เมื่อก่อน ถ้ามีใครเอ่ยชื่อผู้จัดการดาราสักคนหนึ่ง น้อยคนที่จะรู้จัก เพราะเป็นอาชีพที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่นเสียมากกว่า แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะอาชีพนี้เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ยิ่งถ้าคนไหนเป็นผู้จัดการดาราดังๆ อยู่ด้วยแล้วล่ะก็ คนยิ่งอยากเข้าหา โดยเฉพาะคุณ “เอ ศุภชัย” นักปั้นมือทองที่ดูแลดาราระดับตัวท็อปของวงการมากมาย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณเอเคยผ่านอะไรกันมาบ้าง ตามมาล้วงลึกกันเลยค่ะ
1. จากชีวิตที่บ้านเคยไม่มีไฟฟ้าใช้
ชีวิตวัยเด็กของนักปั้นมือทองคนนี้ ถือว่าไม่ลำบากมากนัก แต่ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบขนาดนั้น โดยผู้จัดการคนดังคนนี้มีคุณพ่อเป็นรองผอ.โรงเรียนที่อำเภอคีรี แม่เป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่นที่อำเภอสีชล บ้านที่อาศัยอยู่ ห่างจากตัวเมืองกว่า 30 กิโลฯ ต้องตื่นตีห้านั่งรถสองแถวไปโรงเรียนทุกวัน สมัยนั้นบ้านไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้แบตเตอรี่ปั่นไฟ ได้ดูทีวีครั้งแรกตอนอยู่ ป.3 ละครเรื่องแรกที่ดูคือ แก้วหน้าม้า
2. เริ่มต้นจากการเป็นตัวประกอบ
หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนเรียนจบชั้นมัธยม คุณเอก็เดินทางเข้ามาศึกษาต่อด้านวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยรังสิตในกรุงเทพ ได้รู้จักกับ “ยุ้ย-ปัทมวรรณ์ เค้ามูลคดี” ที่เรียนอยู่คณะนิเทศน์ เลยมีโอกาสได้ไปกองถ่ายละคร และถูกชักชวนให้เล่นเป็นตัวประกอบ ได้รับค่าจ้างประมาณ 500-700 บาท
Advertisements
3. อั้ม พัชราภา ดาราคนแรกที่เป็นผู้จัดการให้
ต่อมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก คุณเออยู่ในสภาพตกงาน แต่ด้วยความที่เป็นคนมุ่งมั่น บอกกับตัวเองว่าถ้าไม่ได้ดีจะไม่กลับบ้าน และด้วยจังหวะโชคดี สมัยที่เรียนอยู่ม.รังสิต เคยรู้จักกับ “อั้ม พัชราภา” ซึ่งภายหลังสาวอั้มได้เข้าวงการเรียบร้อยแล้ว เธอเลยชวนให้เอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ ให้เงินเดือน เดือนละ 8,000 บาท และแนะนำให้ปั้นดาราเพิ่มอีกคนหนึ่ง เพื่อเป็นรายได้เสริม คุณเอเลยปั้น “ป๋อ ณัฐวุฒิ” เพราะเป็นรุ่นน้องที่เห็นกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ม.รังสิต จากนั้นก็ปั้นหนุ่มเวียร์ ศุกลวัฒน์ , ณเดชน์ และปั้นต่อมาอีกเรื่อยๆ
4. สูตรลับความสำเร็จ
ความทุ่มเท และทุ่มทุน ถ้าคุณเอสนใจใคร ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคไหน เจ้าตัวจะลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาถึงที่ ต่อให้ต้องเดินหาทั้งวันก็เคยทำมาแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดที่นักปั้นคนนี้ยึดมั่นคือ “ดูแลทุกคนเหมือนครอบครัว” ผู้จัดการคนดังจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่ของเด็ก พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียการเรียนแน่นอน และส่งเสียค่าเรียนให้ เวลาพามาอยู่ที่บ้าน ก็ออกค่าอยู่ ค่ากินให้ทุกอย่าง นอกจากนี้ ถ้าสาวหรือหนุ่มคนไหนหน้าตายังไม่เป๊ะ คุณเอก็พาไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ลงทุนจ่ายเองทั้งหมด เสียเป็นล้านๆจนหมอที่เกาหลีซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวได้ แล้วส่งการ์ดมาขอบคุณแล้ว
ความสำเร็จไม่ได้ได้มาง่ายจริงๆ กว่าคุณเอจะร่ำรวยขนาดนี้ ต้องเสียเงินลงทุนไปไม่รู้เท่าไร และต้องผ่านความลำบากมามากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณเอยึดถือมาตลอดคือ “ทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด” ใครที่อยากประสบความสำเร็จอย่างคุณเอบ้าง ก็ขอให้ตั้งมั่น และตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด วันหนึ่งอาจเป็นวันของเรา
Advertisements