ตามรอยที่มา ตำนานตบจูบ ‘อาเปี๊ยก พิศาล’ คำฮิตติดปากที่ใช้มาถึงรุ่นปัจจุบัน

Latest แซ่บสตาร์

ข่าวเศร้าของวงการบันเทิงไทยส่งท้ายปีเก่า 2561 อีกข่าวนั่นก็คือ ข่าวการเสียชีวิตของ “ตำนานตบจูบ เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี” สำหรับเด็กรุ่นใหม่ๆ ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าถามถึงพี่ป้าน้าอาในยุคก่อนๆ จะต้องรู้จักชื่อนี้กันทุกคน วันนี้ทาง UndubZapp จะขอพาไปย้อนรอยตำนานตบจูบ อาเปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี เพื่อเป็นการระลึกถึงบุคลากรของวงการบันเทิงระดับตำนานคนนี้กันค่ะ

อาเปี๊ยกเป็นดาราที่มีฝีมือระดับเทพ และมีผลงานทั้งละครและภาพยนตร์ ต่อมาได้หันมาทำงานเป็นผู้กำกับรวมทั้งเป็นผู้สร้างด้วย อาเปี๊ยกมีทายาทที่ฝีมีมือไม่แพ้พ่อเลยนั่นก็คือ อ้อม พิยดา โดย DNA ของอาเปี๊ยกได้ถ่ายทอดมาที่ลูกสาวคนนี้ จนทำให้สาวอ้อมเป็นดาราระดับตัวแม่อีกคนของวงการบันเทิงไทยค่ะ ผลงานที่สร้างชื่อให้กับอาเปี๊ยกนั่นก็คือ มังตรา ใน ผู้ชนะสิบทิศ ที่สามารถเล่นได้ถึงใจพี่ป้าน้าอาในยุคก่อนเอามากๆ ค่ะ

และต่อมาตอนที่อาเปี๊ยกได้หันมาจับงานกำกับก็ได้สร้างตำนานละครตบจูบ จนทำให้คำนี้ติดปากมาถึงรุ่นปัจจุบัน เนื่องจากเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผลงานแทบทุกเรื่องของอาเปี๊ยกจะต้องมีฉากพระเอกผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราดตบตีนางเอกผู้อ่อนโยนอยู่เสมอ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ลงเอยกัน นั่นจึงกลายเป็นที่มาก็คำว่าละครตบจูบในตำนานของอาเปี๊ยกค่ะ

อาเปี๊ยกมีผลงานกำกับละครวิทยุกว่า 70 เรื่อง ละครโทรทัศน์กว่า 100 เรื่อง ภาพยนตร์กว่า 40 เรื่อง อาทิ มหาราชดำ, มนต์รักอสูร, รักประกาศิต, ละอองดาว, นางแมวป่า, ค่าของคน, พายุอารมณ์, ไฟรักอสูร, เลือดทมิฬ, อุ้งมือมาร และเพลงสุดท้าย โดยภาพยนตร์เรื่อง “เพลงสุดท้าย” นับเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังและแหวกแนวมากใน พ.ศ. นั้นทีเดียวค่ะ โดย “เพลงสุดท้าย” เวอร์ชั่นนี้ได้เข้าฉายเมื่อปี 2528 และนำแสดงโดยสาวประเภทสอง ชื่อ “สมหญิง ดาวราย” ซึ่งเป็นนางโชว์ดาวเด่นชื่อดังจากทิฟฟานีโชว์ ร่วมด้วย บิณฑ์ บันลือฤทธิ์, จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา, ชลิต เฟื่องอารมย์ นอกจากตัวภาพยนตร์จะโด่งดังถึงขีดสุดแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อ “เพลงสุดท้าย” ที่ขับร้องโดย “สุดา ชื่นบาน” ก็นับเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ขึ้นหิ้งอีกด้วย เรียกว่าเป็นเพลงที่โดนใจทั้งสาวประเภทสองและชายจริงหญิงแท้มาจนถึงปัจจุบันค่ะ ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้ภาพยนตร์เรื่อง “เพลงสุดท้าย” เป็นตำนานเคียงคู่ อาเปี๊ยก พิศาล มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีมานี้

นอกจากนี้ อาเปี๊ยก ยังได้มีผลงานด้านการกำกับต่อเนื่องมาโดยตลอด จนเมื่อหลายปีก่อน อาเปี๊ยก ได้ป่วยเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงได้มอบงานให้ลูกชาย โอ อัครพล อัครเศรณี เป็นผู้กำกับแทนหลายเรื่อง จนมาวันที่ 4 ธันวาคม 2561 อาเปี๊ยก พิศาล ก็มีอาการปวดหลังอย่างมาก จนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล จากนั้นอาเปี๊ยกก็ได้จากพวกเราไปตลอดกาลด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อเวลาตีสองของวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ในวัย 73 ปีโดยที่คนในครอบครัวไม่ทันได้ตั้งตัว นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของแวดวงคนบันเทิงจริงๆ ค่ะ