น้ำหอมถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่อยู่ใกล้ตัวเราเหลือเกิน เพราะไม่ว่าจะคุณผู้ชาย หรือคุณผู้หญิงก็มักจะใช้เป็นตัวช่วยเสริมให้บุคลิกดูดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักมีราคาตั้งแต่ 1,000-4,000บาท ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ดังนั้นถ้ายิ่งหายาก หรือสกัดหลายขั้นตอน รับรองว่าราคาแพงลิ่วยิ่งกว่านี้แน่นอนค่ะ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม 5 รุ่นน้ำหอมจากแบรนด์เหล่านี้ถึงมีราคาออนซ์ละ 70,000 บาท!
5. Clive Christian No. 1 ราคา 70,000 บาท/ออนซ์
หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูแบรนด์นี้เท่าไร แต่ถ้าคุณไปถามคนรักน้ำหอมตัวจริงล่ะก็ เขาจะร้องอ๋อทันทีเลยล่ะค่ะ เพราะแบรนด์นี้ผลิตน้ำหอมดีๆ ออกมาเยอะมาก (แถมราคายังแพงหูฉี่ทั้งนั้น) โดยรุ่น No.1 เป็นรุ่นนี้เคยติดอันดับ 1 ในช่วงปี 2001-2006 มี 2 กลิ่น คือ Floral Oriental สำหรับผู้หญิง และ Woody Oriental สำหรับผู้ชาย
ท็อปโน้ตกลิ่นจากใบไทม์, ใบกระวาน, ต้นจันทร์เทศจากซิซิลี, มะนาว และมะกรูด, ฮาร์ตโน้ตจากดอกกระดิ่งลม, ดอกกุหลาบ, ดอกมะลิ, ดอกกระดังงา และดอก heliotrope และเบสโน้ตจากกลิ่นหญ้าแฝก, วนิลา, ไม้สนซีดาร์ และอื่นๆ อีกมากมาย บรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วคริสตัล ปากขวดประดับด้วยทองคำ 24K และเงิน ทำให้มีราคาสูงถึง 70,000 บาท/ออนซ์
4. Chanel Grand Extrait ราคา 138,000 บาท/ออนซ์
แบรนด์ที่หลายคนคุ้นหูกันดี จุดเด่นของน้ำหอมจากแบรนด์นี้คือ “กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้” และ “ขวดดีไซน์สวย” โดยรุ่น “Grand Extrait” ถือเป็นรุ่นที่มีราคาแพงอันดับต้นๆ ของแบรนด์ ถูกคิดค้นเมื่อปี ค.ศ. 1921 โดย Ernest Beaux ตามคำสั่งของ Coco Chanel ที่อยากได้น้ำหอมกลิ่นพิเศษ ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ ทำให้ช่างทำน้ำหอมเลือกสรรวัตถุดิบที่คุณภาพดีที่สุด ราคาแพงที่สุด เช่น ดอกกระดังงา, ดอกกุหลาบพันธุ์ de Mai, และดอกมะลิจากเมืองกราส์ โดยราคาออนซ์ละ 138,000 บาท
3. Baccarat Les Larmes Sacrees de Thebes ราคา 223,000 บาท/ออนซ์
เดิม Baccarat เป็นแบรนด์ผลิตเครื่องประดับคริสตัล ก่อนจะผันตัวมาทำน้ำหอมด้วยเมื่อปี ค.ศ. 1990 โดยรุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในรุ่นท็อป 3 ของแบรนด์ ด้วยกลิ่นหอมที่พิเศษและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สกัดจากยางไม้จากต้นเทียน, ยางสน, มัสค์, ต้นจันทร์เทศ, ดอกกระดังงา, ดอกมะลิ และดอกเจราเนี่ยม บรรจุในขวดคริสตัลทรงพีระมิด ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมดโดยช่างฝีมือดี สนนราคาออนซ์ละ 223,000 บาท
Advertisements
2. Clive Christian No. 1 Imperial Majesty Perfume ราคา 418,000 บาท/ออนซ์
หลังจากที่เกริ่นถึงแบรนด์นี้ไปแล้วในอันดับที่ 5 หลายคนคงจะรู้แล้วว่าคุณเขาโด่งดังในเรื่องการทำน้ำหอมมากแค่ไหน โดยรุ่นที่มีราคาแพงที่สุด อยู่ในไลน์ No.1 ชื่อรุ่น Imperial Majesty สกัดจากวนิลาคุณภาพดีที่สุดในโลก พันธุ์ตาฮิเตียน และชะเอมจากอิตาลี ผสมกับดอกไม้ป่าต่างๆ เช่น ดอกกะดังงา ดอก rosa centafolis และดอกกุหลาบ เมื่อฉีดแล้วจึงรู้สึกหอมหวานและสดชื่น เหมือนคุณเป็นเทพีจากเทพนิยายกรีกตามชื่อของรุ่นเลยล่ะค่ะ
นอกจากนี้อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แพงขนาดนี้ เพราะขวดมีส่วนประกอบจากทองคำ 18K และเพชร จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีราคา 418,000 บาท/ออนซ์
1. DKNY Golden Delicious Million Dollar Fragrance Bottle 32 ล้านบาท!
มาถึงอันดับ 1 ของเรากันแล้ว บอกเลยว่าไฮไลท์ไม่ได้อยู่ที่ตัวน้ำหอมกลิ่น Golden Delicious หนึ่งในตัวท็อปของแบรนด์ที่มีกลิ่นหอมหวานแบบดอกไม้กลางคืน ผสมกับความสดชื่นจากผลไม้แต่อย่างใดเลยค่ะ อยู่ที่ขวดล้วนๆ เลย เพราะประดับด้วยเพชรสีเหลือง ขนาด 2.43 กะรัต, เพชรสีชมพูอีก 4.03 กะรัต, ทัวร์มาลีนอีก 1.06 กะรัต, ไพลินจากศรีลังกา ขนาด 7.18 กะรัต และทับทิมขนาด 3.07 กะรัต นอกจากนี้ยังมีเพชรกว่า 2,700 เม็ด และไพลินสีเหลืองอีก 183 เม็ด ถูกขายเพื่อการกุศลไปด้วยราคา 32 ล้านบาท!
SOURCE : financesonline.com
Advertisements