สืบเนื่อง เมื่อวันที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรี กราบบังคมทูลอันเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร องค์ผู้สืบสันตติวงศ์ ขึ้นทรงราชย์ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ของประชาชนชาวไทย
อันดับแซ่บขออัญเชิญ พระราชประวัติสังเขป “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลใหม่ มาให้ปวงพสกนิกรได้ทราบกัน
สำหรับพระราชประวัติสังเขป “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลใหม่
พระราชสมภพ
พระองค์ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17 นาฬิกา 45 นาที ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิต กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ พระขนิษฐา 2 พระองค์
การศึกษา
ระหว่างพุทธศักราช 2499-2509
– ทรงได้รับการศึกษาระดับอนุบาลศึกษาที่พระที่นั่งอุดร พระราชวังดุสิต และโรงเรียนจิตรลดา
มกราคม – กันยายน 2509
– ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียน คิงส์ มิด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ ที่ประเทศอังกฤษ
Advertisements
กันยายน 2509-กรกฎาคม 2513
– ทรงเข้ารับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลล์ฟิลด์ เมืองสตีท แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ
สิงหาคม 2503-พฤษภาคม 2504
– ทรงเข้าศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์สคูล นครซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย
มกราคม 2515 -ธันวาคม 2519
– ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิต (การศึกษาด้านทหาร) คณะการศึกษาด้านทหาร จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
นอกจากนี้ ยังทรงศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกหลักสูตรประจำชุดที่ 56 ระหว่าง พ.ศ. 2520 – 2521 และทรงได้รับปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี 2530ครั้งถึงปี 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักรด้วย
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ปวงชนชาวไทยต่างมีความปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร มีพระนามาภิไธย ตามจารึกพระสุพรรณบัฎว่า
“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒฯ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร”
ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ดังประกาศระหว่างพิธีถวายสัตย์ปฎิญาณในการพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ความว่า
“ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิตจะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”
เมื่อครั้นยังทรงพระเยาว์ได้โดยเสด็จ ฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เมื่อทรงพระเจริญวัยได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ นานัปการ เพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยมิได้ย่อท้อ
ทั้งที่ทรงปฏิบัติแทนพระองค์ และทรงปฏิบัติในส่วนพระองค์เอง ทั้งด้านการพระศาสนา การศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข การทหาร ฯลฯ ล้วนนำมาซึ่งความผาสุกสงบแก่ประชาชน นำความเจริญไพบูลย์และความมั่นคงมาสู่บ้านเมือง
ที่มา : isranews.org , dailynews.co.th ,
ภาพ : Fanpage เรา รักพระบรม , หอจดหมายเหตุฯ กรมศิลปากร
Advertisements