โทษประหาร ประเด็นดังที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนระอุในสังคมตอนนี้ว่า การประหารชีวิตนักโทษไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม เป็นสิ่งที่สมควรกระทำหรือไม่สมควรกันแน่ ในขณะที่ทุกฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อสรุปของคำถามนี้ได้ UndubZapp ขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูวิธีการประหารชีวิตนักโทษในอดีต บอกเลยว่าแต่ละวิธีนั้นสยองจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดทำความผิดกันเลยทีเดียว ใครใจไม่แข็ง อย่าดู เตือนแล้วนะ!
1. Boiling to Death ต้มน้ำเดือดจนตาย
วิธีประหารที่ทำให้นักโทษได้รับความเจ็บปวดทรมานช้าๆ โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้จะให้นักโทษค่อยๆ เอาเท้าลงไปในหม้อต้มก่อน ซึ่งภายในหม้ออาจเป็นน้ำมันเดือด น้ำเดือด หรือขี้ผึ้งเดือดก็ได้ (เคยมีบันทึกว่าบางกรณีก็ใช้ไวน์เดือดแทน) ลองจินตนาการตามดูสิว่า แค่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ตอนทำอาหารทีนี่ เราก็สะดุ้งตัวลอยกันแล้ว แล้วการที่ให้นักโทษเอาทั้งตัวลงไปแช่ในน้ำเดือดนี่มันจะทุรนทุรายขนาดไหน ผิวหนังคงหลุดออกเป็นแถบๆ เพราะโดนน้ำร้อนจัดแน่ๆ หรือไม่ก็คงช็อกตายไปตั้งแต่ขาแหย่ลงไปในหม้อแล้ว
แม้จะฟังดูเป็นวิธีการที่น่ากลัวเกินจินตนาการสุดๆ จนไม่อาจเชื่อว่าจะมีคนเคยโดนประหารด้วยวิธีนี้จริงๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะมีการบันทึกไว้ว่า จักรพรรดิเนโรเคยใช้วิธีต้มน้ำเดือดนี้ประหารคนไปกว่าพันคนในช่วงยุคกลาง เหล่าคนที่โดนประหารนี้ไม่ใช่ฆาตกรหรือคนข่มขืนผู้อื่นแต่อย่างใด แต่เป็นพวกนักต้มตุ๋นทำเงินปลอมในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และก็ยังมีบันทึกอีกด้วยว่า พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ก็เคยใช้วิธีต้มน้ำเดือดนี้ประหารเหล่าฆาตกรฆ่าคนโดยเฉพาะด้วย
2. The Blood Eagle อินทรีเลือด
มีการคาดเดาว่า วิธีประหารอินทรีเลือดนี้น่าจะมีที่มาจากเหล่านักรบโบราณสุดโหดแถบสแกนดิเนเวียอย่างพวกไวกิ้ง เดากันว่าพวกที่ดิบๆ เถื่อนๆ ในยุคก่อน ก็น่าจะมีแต่พวกไวกิ้งนี่แหละที่ดูท่าจะสามารถรังสรรค์จินตนาการเหี้ยมอำมหิตนี้ขึ้นมาได้ วิธีประหารนี้ขั้นแรกนักโทษจะถูกจับขึง เพชฌฆาตจะทำการผ่าเปิดผิวหนังด้านหลังจนเห็นกระดูกซี่โครง จากนั้นก็จะงัดเลาะกระดูกออกมาจากลำตัว จับกระดูกดัดชี้ขึ้นฟ้า ให้เป็นรูปทรงแบบปีกของนกอินทรี พอตัวนักโทษเหลือเป็นโพรงโบ๋ๆ แล้ว เพชฌฆาตก็จะดึงปอดนักโทษออกมา เอาเกลือโรยแผล (ไม่อยากคิดว่าจะแสบขนาดไหน แต่นักโทษคงตายตั้งแต่โดนแหวกหลังแล้วล่ะ) แม้จะเคยมีการพูดถึงว่าชายชนชั้นสูงเคยถูกประหารด้วยวิธีอินทรีเลือดในข้อหาฆาตกรรมพ่อแท้ๆ ของตัวเอง แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่าเคยมีคนใช้วิธีนี้ประหารนักโทษจริงๆ หรือความจริงแล้วเป็นเรื่องจริงแค่บางส่วนแต่มีการแปลความกันผิดๆ กันแน่
3. Impalement เสียบ แทง
วิธีนี้ดูจากภาพแล้วก็เข้าใจได้ง่าย คือเหลาไม้ให้แหลม ปักไม้ลงพื้น แล้วเสียบร่างนักโทษ ถ้าเป็นนักโทษชายจะถูกเสียบทางรูทวาร ถ้าเป็นนักโทษหญิงจะถูกเสียบทางช่องคลอด โดยเพชฌฆาตจะเสียบไม้นี้จากร่างกายส่วนล่างขึ้นไปส่วนบน มีทั้งเสียบทะลุคอหอยหรือเสียบออกกลางลำตัว วิธีนี้จะทำให้นักโทษได้รับความเจ็บปวดทรมานช้าๆ จนเสียชีวิตในที่สุด บ้างก็ว่านักโทษบางคนต้องทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดจากการโดนเสียบนี้ไปถึง 8 วันทีเดียวกว่าที่จะตายสนิท
วลาดที่ 3 เจ้าชายแห่งวาลาเคีย หรือที่ถูกเรียกว่า วลาดที่ 3 นักเสียบ คือคนที่ใช้วิธีประหารนี้บ่อยที่สุดจนชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเป็นที่ล่ำลือไปทั่ว โหดจนกลายเป็นต้นแบบของแดรกคูลาในนิยายเลยทีเดียว
Advertisements
แถมยังมีบันทึกว่าวิธีประหารโดยการเสียบแทงนี้เกิดตั้ง 1772 ปี ก่อนคริสตกาลมาแล้ว สมัยกรุงบาบิโลนโน่นแน่ะ โดยกษัตริย์ฮัมมูราบีใช้ประหารผู้หญิงที่ฆ่าสามีตัวเอง แล้วก็ถูกใช้ต่อมาเรื่อยๆ โดยพวกออตโตมัน
4. Keelhauling เรือลาก
การประหารบนบกอาจมีหลายวิธี แต่ถ้าลองเปลี่ยนสถานที่มาอยู่ในน้ำแทน ลองเดาดูสิว่าจะมีวิธีประหารแบบไหนบ้าง เท่าที่เคยเห็นในหนังก็มีการเอาไม้กระดานพาดยื่นออกไปนอกเรือ ให้นักโทษเดินไปสุดปลายไม้กระดาน แล้วกระโดดลงน้ำ ปล่อยให้นักโทษจมน้ำตายไปเอง ใครจะรู้ว่ายังมีการประหารด้วยวิธีเรือลากอีก โดยการประหารด้วยวิธีนี้จะนำเชือกมาผูกขาหรือเอวนักโทษ หย่อนตัวนักโทษลงไปในน้ำแล้วปล่อยให้ถูกกระแสน้ำพัดเหวี่ยงไปมา พูดให้เห็นภาพเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เอานักโทษไปลากถูลู่ถูกังในน้ำ ตามชื่อวิธีประหาร ซึ่ง Keel แปลว่า กระดูกงูเรือ โครงเรือ Haul แปลว่า ลาก ฉุด ดึง ในที่นี้ขอเรียกอย่างโหดร้ายว่า วิธีเรือลาก เนื่องจากนักโทษจะถูกเรือลากไปตามกระแสน้ำ ถูกแรงปะทะของคลื่น ถูกเหวี่ยงไปชนเรือ เรียกว่าเป็นวิธีที่หฤโหดจริงๆ แค่โดนจับถ่วงน้ำยังไม่พอ ยังต้องมาโดนเรือลากไปอีก
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ วิธีนี้ถูกใช้ประหารชีวิตในอดีต ลองคิดดู สมัยก่อน ทุกคนยังล่องเรือไม้กันอยู่ ซึ่งเรือไม้นี้เวลาถูกใช้ไปนานวันเข้า เพรียงก็จะมาเกาะอยู่ใต้ท้องเรือ พวกเพรียงนี่แหละที่เปรียบเหมือนดาบคมๆ ใต้น้ำ ถ้านักโทษถูกน้ำพัดเหวี่ยงไปชนเพรียงเข้า เพรียงก็จะบาด หัวก็จะแตก เลือดไหล ซ้ำร้าย ถ้าเรือไปถึงฝั่งแล้วแต่นักโทษแค่บาดเจ็บ ไม่ถึงกับเสียชีวิต ก็จะมีการออกเรืออีกรอบ สรุปคือวิธีนี้จะใช้เรือลากนักโทษไปมาในน้ำจนกว่าจะตายนั่นแหละ บางกรณีจะเพิ่มความโหดด้วยการเอาผ้าชุบน้ำมันอุดปากนักโทษด้วย วิธีนี้ถูกใช้มากในแถบฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ช่วงปี ค.ศ. 1500-1510 จนกระทั่งถูกยกเลิกในปี 1853 มีบันทึกว่าการประหารด้วยวิธีเรือลากนี้ถูกคิดค้นในกรีซตั้งแต่ช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว
5. The Roman Candle ดอกไม้เพลิง
ถ้าพูดถึงการประหารชีวิตด้วยวิธีใช้ไฟเผานั้น โดยมากแล้วก็จะนึกถึงการเผาทั้งเป็นที่ใช้ในการประหารหญิงต้องสงสัยว่าเป็นพวกแม่มดในยุคกลาง หรือการจับเผารมควันในวัวกระทิงเหล็กของพวกกรีกโบราณ นอกจากสองวิธีนี้แล้วก็ยังมีวิธีที่หฤโหดยิ่งกว่าที่ว่ามานั้นอีก นั่นก็คือวิธีดอกไม้เพลิงนี่แหละ
วิธีนี้เป็นวิธีที่จักรพรรดิเนโร (อีกแล้ว) โปรดปรานมาก วิธีการก็เดาได้ไม่ยาก เอาคบเพลิงจุดไฟเผานักโทษจากปลายเท้าขึ้นไป ฟังดูเหมือนกับวิธีเผาทั้งเป็นกับรมควันในวัวกระทิงใช่ไหม? อันที่จริงแล้ว วิธีการก็เหมือนกันจริงๆ นั่นแหละ คือจุดไฟเผาทั้งเป็น แต่ส่วนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็คือ จักรพรรดิเนโรสั่งให้มีการประหารนักโทษด้วยวิธีนี้ในสวนของพระองค์ เพื่อที่พระองค์จะได้รับชมอย่างเพลิดเพลินประหนึ่งเดินชมดอกไม้ในสวน หรือบางครั้งก็จะสั่งให้เผานักโทษข้างๆ กับงานปาร์ตี้ตอนกลางคืนของพระองค์ เพียงเพื่อให้งานเลี้ยงของพระองค์สว่างไสวจากไฟเผานักโทษพวกนี้นี่เอง ประมาณว่าคนจะตายก็ตายไป คนจะปาร์ตี้ก็ปาร์ตี้ต่อ ด้วยเหตุผลนี้เอง การประหารด้วยวิธีดอกไม้เพลิงจึงกลายเป็นวิธีเผาไฟที่โหดเหี้ยมเลือดเย็นที่สุด
Advertisements