เมื่อพูดถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานครีมกันแดด แน่นอนว่าทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าครีมดังกล่าวมีคุณสมบัติหลักช่วยปกป้องผิวของเราจากรังสียูวีเอและยูวีบีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามหากเราลองเปลี่ยนมาพูดถึงวิธีการใช้งานให้เห็นผลลัพธ์ได้จริง เราเชื่อว่าคำตอบของใครหลายคนในที่นี้คงหนีไม่พ้นการนำครีมมาทาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ ถึงแม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นข้อเท็จจริงสามัญ แต่ทุกคนรู้ไหมว่าการจะใช้ครีมกันแดด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้นยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่เราควรให้ความสำคัญอีกเพียบ พอถึงตรงนี้ทุกคนคงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่า หลักการที่เราได้เกริ่นไปนั้นจะมีรายละเอียดยังไง ถ้าพร้อมแล้ว อย่ามัวรอช้า รีบตามไปหาคำตอบกันได้เลย
อย่าใช้แบบกลัวหมด
เมื่อถึงเวลาใช้งานครีมกันแดด หลายคนมักจะบีบครีมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอย่างที่เรารู้ว่ากันแดดนั้นมีราคาแพง ดังนั้นการใช้งานอย่างประหยัดจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนมักเลือกใช้ แต่อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ไหมว่าหากเราต้องการใช้งานกันแดดให้เต็มประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องบีบครีมให้ได้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ตัวเนื้อครีมสามารถซึมเข้าไปจนถึงระดับรูขุมขนได้ สำหรับใครที่ใช้กันแดดแบบเนื้อครีม ทางที่ดีเราอยากจะแนะนำให้ใช้ในปริมาณ 1 ข้อนิ้วชี้ ส่วนใครที่พกกันแดดแบบน้ำ ปริมาณที่เหมาะสำหรับการใช้งานได้แก่การหยดกันแดดลงบนฝ่ามือให้มีขนาดเท่ากับเหรียญสิบบาท
ควรทาก่อนออกบ้าน 15-30 นาที
ถึงแม้ครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวของเราจากแสงแดดได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากที่เราทาครีมลงไปแล้ว เราจะสามารถออกจากบ้านไปเผชิญหน้ากับแสงแดดได้ในทันที เพราะปกติหลังจากที่ทาครีมไปแล้ว เราจำเป็นต้องรอสักระยะหนึ่งเพื่อให้เนื้อครีมซึมลึกเข้าไปถึงชั้นรูขุมขนก่อน
Advertisements
เลือกใช้กันแดดให้ตรงกับกิจกรรมที่เราต้องทำ
เนื่องจากแต่ละคนต่างก็มีกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนอาจจะต้องนั่งทำงานนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือ บางคนอาจจะต้องทำงานที่เผชิญหน้ากับแสงแดดติดต่อกันหลายชั่วโมง ซึ่งรายละเอียดตรงจุดนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่เราควรนำมาใช้ในการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม เช่น การเลือกใช้กันแดด SPF 30 PA+++ สำหรับคนที่ต้องทำงานผ่านหน้าจอ และ SPF 50+ PA++++ สำหรับคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแสงแดดเป็นเวลานาน
ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
จริงๆ แล้วการทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวก่อนออกจากบ้านนั้นอาจจะไม่เพียงพอ เพราะหากเราลองไปดูผลการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญที่ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกันแดด เราจะพบได้ว่าไม่ว่ากันแดดที่เราเลือกใช้จะมีค่า SPF หรือ PA สูงแค่ไหน ระยะเวลาที่ครีมดังกล่าวจะปกป้องผิวของเราจากรังสี UVA และ UVB ได้นั้นมักจะอยู่ที่ราวๆ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นหากใครที่ต้องการปกป้องผิวของเราแบบจัดเต็ม ทางที่ดีเราอยากจะแนะนำให้ทากันแดดซ้ำในทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
Advertisements