10 เรื่องจริง “ลม” รอการระบาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ร่างกายของคนเรามีการทำงานที่ซับซ้อน บางอย่างก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าที่เราจะสามารถยับยั้งหรือควบคุมได้ซึ่งมักตามมาด้วยความอับอาย เช่น การผายเอา “ลม”ออกมา หรือที่เรียกกันตามหลักวิชาการว่าของเสียในรูปแก๊ส (ที่รอการระบายหรือผายออกมา) แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่สร้างความอับอายขายขี้หน้าเราแค่ไหน ท่ามกลางแรงอัดและกลิ่น (ที่อาจจะมีหรือไม่มี) ที่ตามมา มีความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพซ่อนอยู่ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

 

1. แก๊สที่ระบายออกมา 99%  ไม่มีกลิ่น!!

เรื่องจริงแรก  “ลม” รอการระบาย ประกอบด้วย ไนโตรเจน 59%  ไฮโดรเจน 9% คาร์บอนไดออกไซด์ 7% และ ก๊าซมีเทน 4 เปอร์เซ็นต์ ล้วนเป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น แต่มีเพียง 1% เท่านั้น ที่มาจากกำมะถันที่ทำให้เกิดกลิ่นตุๆ

3. ระบาย วันละ 14 ครั้ง ถือว่าสุขภาพดี

การรัวระบาย “ลม” ได้ถึงวันละ 14 ครั้ง ถือว่าสุขภาพดี ซึ่งว่ากันว่าปริมาณการระบายระดับดีมากนี้ สามารถเติมลมลูกโป่งได้เลย และผลวิจัยชี้ว่าผู้ชายมีแนวโน้มระบายบ่อยกว่าผู้หญิง เพราะกินเก่งและกินเร็ว

2.กลิ่นตุๆ มาจากไหน!?

อย่างที่บอก 1%ของแก๊สที่ระบายออกมา คือกำมะถัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่น ซึ่งเกิดจากร่างกายมีแก๊สกำมะถันเกินความจำเป็น ซึ่งพบในอาหารการกินจำพวก ถั่ว กะหล่ำปลี ชีส โซดา และไข่ นั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ “ลม” รอการระบาย ไร้กลิ่น ก็ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่กล่าวมาเป็นจำนวนมากเกินไป

กลิ่นตุๆ มาจากไหน!?

 

4.ความแรง “ลม” อยู่ที่ 10 ฟุตต่อวินาที

ความเร็วในการระบายที่แตกต่างกัน ทำให้กลิ่นเกิด ที่หน่วงเวลาได้ประมาณ 10 – 15 วินาที กว่าคนข้างๆ จะได้กลิ่น ยังพอมีเวลาที่เราจะรีบสูดของตัวเองให้หมดก่อนได้นะ

5.ปิดกั้นทาง “ลม” สุขภาพเสีย

เนื่องจาก “ลม” รอการระบายมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระบบการย่อยอาหารของร่างกาย การปิดกั้น “ลม” ไม่ให้ระบายออกมากเกินไป จะเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดโรคอื่นๆ ท้องอืด โรคริดสีดวง ลำไส้อุดตัน

Advertisements

6.“ลม” ที่ระบายออกมา ถือว่าเป็นการอวยพร

บางวัฒนธรรม อย่างบางชนเผ่าในแถบอเมริกาใต้ มีความเชื่อว่า การระบายลมถือเป็นการอวยพรอย่างหนึ่ง ส่วนที่ประเทศจีน มีอาชีพนักดมกลิ่น….ซึ่งรายได้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

บางวัฒนธรรม หมายถึงการอวยพร

7.ความเร็ว “ลม” สูงมาก

ความเร็วที่เคยวัดได้อยู่ที่ 3.05 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 11.2 กิโลเมตรต่อ 1 ชั่วโมง ก่อนจะลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ

8.“ลม” รอการระบาย ติดไฟได้จริงหรือ!?

ติดได้จริง ซึ่งเกิดจากไฮโดรเจนที่มีอยู่ใน “ลม” รอการระบายนั่นเอง สามารถติดไฟได้ แต่ไม่แนะนำให้ทดลองกันจริงๆ เพราะเคยมีเคสที่ทำแล้วระเบิดจนเปลวไฟลุกลามไปทั่ว

9.“ปลวก” ครองสถิติ ระบาย “ลม” มากที่สุด

มีการสันนิษฐานว่าที่เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิด “ภาวะโลกร้อน” เพราะการปล่อยก๊าซมีเทนที่สูงมากในแต่ละวัน แต่ต้นเหตุจริงๆ น่าจะมาจากมนุษย์มากกว่านะ

10.จริงดิ!! ตายไปแล้ว  “ลม” ยังคงระบาย

ปฏิกริยานี้จะเกิดขึ้นหลังร่างกายตายไปแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง ร่างกายจะมีการขับลมทั้งทางปากและทางทวารหนัก ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ หยุดทำงานไป

10

จบไปสำหรับสาระดีๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอย่างที่คิด แต่มันคือการปรับสมดุลในร่างกายของเราซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ถ้าการระบายที่เกิดจากการแน่นท้องเพราะทานเยอะเกินไป ก็ควรจะจัดการธุระนั้นให้เรียบร้อยดีกว่านะคะ

CR : oddee

Advertisements

Advertisements

Advertisements