ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เป็นสัญญาณย้ำเตือนให้มนุษย์ได้เข้าใจว่า มนุษย์นั้นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และนี่คือ 15 ปรากฏการณ์ธรรมชาติแปลกประหลาดสุดทึ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ไม่ใช่มายากลหรือ CG ในภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่มันคือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรืออาจเกิดเพราะภาวะโลกร้อน วันนี้เรามาเปิดประตูบานใหม่ มาชมโลกอีกด้านที่ไม่เคยเห็นกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย
เปลวเพลิงปีศาจ (Firenado)
พายุแห่งไฟเผาผลาญทุกสิ่งราบด้วยความร้อนและความเร็ว มักเกิดขึ้นจากอากาศที่ร้อนจัดต้นเหตุของไฟป่า หรือพายุที่เกิดบริเวณแหล่งเชื้อเพลิงน้ำมัน เคยเกิดรุนแรงที่สุดในปี 1923 ที่ญี่ปุ่น มีผู้เสียชีวิตถึง 38,000 คน ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
พายุนิ้วน้ำแข็ง (Brinicle) ความตายสีขาว
ปรากฏการณ์นิ้วน้ำแข็ง ( Ice Finger ) หาดูได้ยากมากๆ เกิดขึ้นที่ทวีป แอนตาร์กติกา มีลักษณะเป็น น้ำแข็งย้อยลงมาจาก ธารน้ำแข็ง คล้ายนิ้วมือ จนถึงก้นทะเล แถมยังมีความเย็นสูงมากๆ ขนาดที่สามารถฆ่าชีวิตทุกชีวิตที่มันเดินทางผ่านไปได้หมด
หินเดินได้
บ้าแล้ว ก้อนหินเนี่ยนะจะเดินได้ เกิดขึ้นจริงในอุทยาน Death Valley พบหินจำนวนมากมีร่องรอยการเคลื่อนที่ โดยนักวิจัยสันนิษฐานว่า เกิดจากหลักทฤษฏีการลาดเอียงที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่เองได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก พวกเขายังคงติดเครื่องหมาย GPS บนหินเพื่อศึกษากันต่อไป
เสาลำแสง (Light Pillar)
พบเห็นได้บ่อยๆ ทั้งที่อเมริกา รัสเซีย มอสโคว เป็นภาพลวงตาที่เกิดขึ้นการสะท้อนของผลึกน้ำแข็งขณะที่พระอาทิตย์อยู่บริเวณ ขอบฟ้า ทำให้เห็นเป็นลำแสงพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ถ้าคนไม่รู้คงคิดว่าเป็นลำแสงจากมนุษย์ต่างดาวแหงๆ
CR : kuriositas
ปลาตกจากท้องฟ้า
เป็นเหตุการณ์ในอดีตที่มีการบันทึกเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเกิดมีปรากฏการณ์สุดประหลาด อยู่ๆ ก็มีปลาตกลงมาจากท้องฟ้าซึ่งเกิดขึ้นจริงทั้งใน อินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยนักธรณีวิทยาเชื่อว่า ปรากฏการปลาตกจากท้องฟ้านี้เกิดจากแรงลมของพายุที่ก่อตัวอยู่กลางทะเล ดึงเอาสัตว์น้ำลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงมาริมชายฝั่ง
ทะเลสาบหลุม (Spotted Lake) แคนาดา
ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีหลายๆ บ่อเป็นหลุมๆ ดูแปลกตา เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ เช่น แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก สามารถรักษาโรคได้ และเคยถูกใช้ทำลูกกระสุนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย
หลุมดินน้ำแข็งยักษ์ (Giant permafrost explosions) ไซบีเรีย
จู่ๆ ในปี 2013 ก็มีหลุมน้ำแข็งยักษ์โผล่ในไซบีเรีย ที่คาดว่าเกิดจากภาวะโลกร้อน สันนิษฐานว่าเกิดจากการพ่นออกจากดินน้ำแข็ง (permafrost) จากแรงดันก๊าซ แต่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น
Advertisements
ทุ่งน้ำแข็ง (Penitentes)
ทุ่งน้ำแข็งแห่งเทือกเขาแอนดิส ทุ่งโล่งกว้างที่มีเพียงแท่งน้ำแข็งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเต็มทุ่งละลานตา นักวิทยาศาสตร์พบว่า ทุ่งน้ำแข็งเกิดจากกระแสลมแรงที่พัดขึ้นมาบนทุ่งซึ่งนำอากาศเย็นจัดเข้ามาจนทำให้เกิดน้ำแข็งเป็นรูปทรงดังกล่าว โดยแท่งน้ำแข็งนี้มีความสูงประมาณ 1.5 – 2 เมตร ซึ่งพบได้ตามพื้นที่ที่มีระดับความสูงจากน้ำทะเลหลายพันเมตร อย่างเทือกเขาแอนดิส
ตะวันดำทมิฬ (black sun)
ทุกปีในเดนมาร์ก จะพบกลุ่มก้อนสีดำเคลื่อนที่ผ่าขอบฟ้า รู้จักกันในชื่อว่า “Blacksun” แต่จริงๆ แล้วมันคือการอพยพของนกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า startlings ซึ่งบินจากที่ต่างๆ มารวมตัวกันก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังสแกนดิเนเวีย
ชายหาดสีเขียว (Green sand beach) ฮาวาย
าดทรายสีเขียวแห่งเกาะฮาวาย ที่เกิดจากผลึกหินโอลีวีน สาเหตุเนื่องมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ ปูมาฮาน่า โดยที่นั่นได้ถูกขนานนามว่าเป็น “เพชรแห่งฮาวาย”
CR : xn--o3cgxbxs1dt1hwd
น้ำตกสีเลือด (Blood Falls) แอนตาร์กติกา
เป็นภาพชวนสยองไปสักหน่อย แท้จริงแล้วเกิดจาก “ระบบนิเวศน์ของแบคทีเรีย” ที่ถูกกักขังไว้ภายใต้น้ำแข็งขั้วโลกนับล้านปี ไม่เคยได้เห็นแสงเห็นตะวัน จนกระทั่งภาวะโลกร้อนรุกรานไปถึงน้ำแข็งขั้วโลก เมื่อแบคทีเรียสัมผัสกับอากาศ แสงแดด ความร้อน จงเกิดการเปลี่ยนแปลงผสานกับแร่ธาตุในน้ำที่ละลายออกมากลายเป็นสีแดงฉานเช่นนี้
รุ้งสีเพลิง (Fire Rainbow)
เกิดจากแสงหักเหออกจากผลึกน้ำแข็งในเมฆเซอรัส (Cirrus Cloud) มีลักษณะเป็นคล้ายขนนก เป็นแนวราบบนท้องฟ้า ไม่ได้โค้งเหมือนที่พบเห็นได้ทั่วไป นับเป็นปรากฏการธรรมชาติที่หาดูได้ยากยิ่ง
ทะเลคาปูชิโน่เข้มข้น (Cappuccino Coast)
ทะเลคาปูชิโน่ ในเมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ เมื่อน้ำทะเลผสมผสานเข้ากับหิมะ จนกลายเป็นคลื่นฟองสบู่ข้นจนเหมือนกับ ฟองครีมคาปูชิโน่ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุดมหัศจรรย์แปลกประหลาดแต่ก็เป็นที่สนุกสนานของเด็กๆ
CR : fiboni
สายฟ้ากลางทะเลลาวา (Volcanic lightning) ประเทศญี่ปุ่น
ภูเขาไฟระเบิดพ่นเอาลาวาสีแดงฉานขนาดนี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว นี่มีสายฟ้าเพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังสรุปสาเหตุได้ไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกิดจาก “ถ่านหิน” ทำปฏิกริยาทางเคมี
สายฟ้านิรันดร์ (Catatumbo Lightning) แห่งดินแดนต้องสาป
ณ แม่น้ำคาตาทัมโบ ประเทศเวเนซูเอล่า มีฟ้าผ่าปีละ 140 – 160 ต่อวัน วันละไม่ต่ำว่า 10 ชั่วโมง แต่ละชั่วโมงผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ซึ่งสาเหตุเกิดจากก๊าซมีเทน ที่มีอยู่สูงพัดลอยตัวเสียดสีกับลมร้อนจากทะเลแครีเบียน ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆ
CR : National Geographic
CR : techinsider ,Oddee
Advertisements