ต่างกันแค่ไหน? “3 ฉากละคร บุพเพสันนิวาส” ถูกปรับบทให้ต่างจากนิยาย

1. แม่หญิงจันทร์วาด ลงเอยกับ ขุนเรือง

มีการปรับบทให้ แม่หญิงจันทร์วาด ลงเอยกับ ขุนเรือง ทั้งที่ในนวนิยาย จันทร์วาด ต้องลงเอยกับ หลวงศรียศ แต่สาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยน ก็เพราะ หลวงศรียศ นั้นเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์และเป็นตระกูล บุนนาค อาจจะนำมาซึ่งความไม่พอใจแก่ลูกหลานในตระกูลที่ยังอยู่ และเท่าที่ทราบเนื่องจากผู้เขียนบท ยังไม่มีความชัดเจนว่า แม่หญิงจันทร์วาด นั้นได้ลงเอยแต่งงานกับใคร ขุนเรือง หรือ หลวงศรียศ จึงต้องมีการปรับเพื่อเป็นการสมมติเท่านั้น

2. ไอ้จ้อย ความจริงไม่มีในนิยาย

มาที่ ไอ้จ้อย (โมตส์ วิศรุต) ที่สาวๆ แห่กรี๊ดกันนั้น แท้จริงแล้วจากในนวนิยาย บุพเพสันนิวาส นั้นไม่มีบท จ้อย เพราะในฉบับนิยาย ทนายคนสนิทหน้าหอของ ท่านหมื่นสุนทรเทวา นั้นชื่อว่า เจิม ต่างหาก… แต่พอมาสร้างลงจอโทรทัศน์ให้ได้ชม จึงปรับให้เป็นชื่อ จ้อย แทนนั่นเอง หรือ จ้อยคิวท์บอยแห่งอโยธยา ซึ่งถือเป็นการดัดแปลงเพียงชื่อ เพื่อให้ตอบโจทย์คนดูมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสีสัน

3. การแต่งงานของ ฟอลคอน และ มารี

“แคลร์ คีฟ ฟอกซ์” นักเขียนชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ “ฟอลคอนแห่งอยุธยา” เคยเปิดเผย เรื่องราวของ ฟอลคอน ไว้ว่า ไม่ได้รัก มารี จากใจจริง แต่ในละครมีการปรับบทให้ ฟอลคอน รัก มารี รวมไปถึงบังคับให้ มารี แต่งงานอีกด้วย “แคลร์ คีฟ ฟอกซ์” ได้เผยว่า ฟอลคอน จากพ่อค้าสู่ขุนนางแห่งอยุธยา และกลายได้เป็นขุนนางคนโปรด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ ทั้งยังได้รับใช้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชอย่างใกล้ชิด ส่วนฉากที่ ฟอลคอน บังคับให้มารี หรือ แม่มะลิ แต่งงานด้วยนั้น ความจริงแล้วตรงกันข้าม ฟอลคอน ต่างหากที่ถูกพระนารายณ์บังคับให้แต่งงานกับ มารี เพราะทรงเป็นหนี้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก จึงต้องใช้การแต่งงานครั้งนี้ผ่อนผันจ่ายหนี้ ความจริง ฟอลคอน ไม่ได้สนใจในตัว มารี เลย… แต่เพราะ มารี เป็นหลานสาวของ ยามาดะ เศรษฐีชาวญี่ปุ่น จึงเป็นอีกเหตุผลที่ยอมแต่งงาน นอกจากเป็นพระประสงค์ของพระนารายณ์แล้ว ก็อาจแต่งงานเพื่อยกฐานะตนเองด้วยซ้ำไป