เราคงเคยได้ยินได้เห็นว่าคนญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีความคิดล้ำหน้า ประชาชนมีระเบียบวินัย มีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง หลายประเทศวิเคราะห์ว่าประเทศญี่ปุ่นมีการวางรากพื้นฐานการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก เรามาดูกันดีกว่าว่าระบบการศึกษาของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร และเราสามารถนำระบบนี้มาปรับใช้กับการศึกษาในประเทศไทยได้มากน้อยเพียงใด
1.ช่วง 3 ปีแรกไม่มีการสอบ
ในช่วง 3 ปีแรกจนกว่านักเรียนจะถึงชั้นเกรด 4 อายุประมาณ 10 ขวบ จะไม่มีการทดสอบวัดความรู้ใดๆ ทั้งสิ้น จะเน้นไปด้านการสอนให้เคารพผู้อื่น ความมีวินัย เป็นมิตรต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รู้จักช่วยเหลือรับผิดชอบตัวเอง และยังสอนให้รู้จักความยุติธรรม เพื่อปูพื้นฐานก่อนที่จะเรียนความรู้ด้านวิชาการ
2.ไม่มีภารโรงดูแลความสะอาดในโรงเรียน
ถึงในไทยจะมีการจัดเวรทำความสะอาดประจำวันก็ตาม แต่มันก็คือการทำความสะอาดส่วนห้องใครห้องมัน ที่ญี่ปุ่นนักเรียนทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาดทั้งห้องเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ สลับกันไปทำ สอนให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น การรู้จักความรับผิดชอบและเป็นฝึกงานบ้านไปในตัวอีกด้วย
3.นักเรียนทานอาหารเที่ยงพร้อมหน้าพร้อมตา
รัฐบาลญี่ปุ่นห่วงใยสุขภาพเด็กนักเรียนญี่ปุ่น มีการจัดอาหารตามหลักโภชณาการครบ 5 หมู่โดยจะต้องรับประทานอาหารร่วมกันในห้องเรียนรวมถึงอาจารย์ประจำชั้นด้วย ซึ่งช่วยให้ทั้งนักเรียนและคุณครู มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
Advertisements
4.เรียนศิลปะดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น
นักเรียนญี่ปุ่นจะได้ฝึกงาน วิเคราะห์บทกวี ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ฝึกการแต่งกลอนไฮกุซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพื่อฝึกทักษะด้านภาษาให้ถูกต้อง และเป็นการปลูกฝังความเป็นชาติของญี่ปุ่นเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมสืบต่อไป
5.นักเรียนแต่งชุดยูนิฟอร์ม
ข้อนี้ไม่ต่างจากไทยเท่าไหร่ แต่ละโรงเรียนจะมีกฏการแต่งเครื่องแบบนักเรียนไม่เหมือนกัน บางที่ก็เคร่งมากแม้กระทั่งเรื่องกระเป่าและทรงผม บางที่ลดมาตรฐานเอาให้สบายๆ ก็พอ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและเพื่อให้นักเรียนโฟกัสกับการเรียนเป็นหลัก มากกว่าจะห่วงเรื่องการแต่งตัวรักสวยรักงามมากเกินไป
Advertisements