การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ชีวิตคนเราย่อมพบเจอกับอุปสรรคและความลำบาก ย่ำแย่ ท้อแท้สิ้นหวัง ถือเป็นแบบทดสอบให้เราต้องฝ่าฟันและต่อสู้กับอุปสรรคนั้นๆ สอนให้เราได้เรียนรู้ ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้เราโตขึ้น มีพลัง แกร่งพอที่จะต่อสู้อยู่ในสังคมใหญ่ต่อไป แน่นอนล่ะว่าบางครั้งเรื่องบางเรื่องอาจจะทำให้เราสับสน หลงไปทางอื่นได้บ้าง แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ดีกว่าที่นั่งอยู่เฉยๆ เป็นลูกนกในกรงทองที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดและรสชาติของชีวิต ว่ามันมีสีสันและ movement ที่ไหลขึ้นลงตลอดเวลานั่นเอง
ภาพยนตร์ หรือ ‘หนัง’ เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่มนุษย์คิด ถ่ายทำ และถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมที่มีเรื่องราวและหนังก็มีหลายประเภท ซึ่งเคยมีคำกล่าวที่ใครหลายคนคงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่า ‘ดูหนังดูละครแล้วก็อย่าลืมย้อนกลับมาดูตัวเอง’ และถ้าเราลองตีความหาความหมายนั้น อาจจะแปลได้ว่า “การให้เราเลือกที่จะยอมรับและพร้อมที่จะแก้ไขในจุดด้อยที่ตัวเองมีและพัฒนาดึงจุดดีออกมาสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับตัวเราและคนอื่นต่อไป”
จากมันสมองและการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เราจึงได้มีหนังให้ชมกันมากมาย และการดูหนังก็มีข้อดีสารพัด อาทิ การดูหนังเพื่อให้ได้ข้อคิด และแรงบันดาลใจดีๆ กลับไปในวันที่เราต้องพบเจอเรื่องหรือเหตุการณ์ร้ายๆ การได้นั่งดูหนังดีๆ สักเรื่อง ก็เป็นวิธีง่ายที่เสริมสร้างพลังกายพลังใจและห่างไกลจากโรคซึมเศร้าได้ วันนี้ Undubzapp ขอหยิบหนังดี 5 เรื่องที่ถ้าหากได้ชมแล้ว จะต้องอินและได้ข้อคิดดีๆ กลับไปในการใช้ชีวิต
1. Forrest Gump
‘Life is like a box of chocolates…you never know what you’re gonna get.’ ประโยคเด็ดและเป็นเหมือนสโลแกนเบาๆ ของหนังสู้ชีวิต Forrest Gump ที่สามารถครองใจคนดูได้อย่างยาวนาน ที่ไม่ว่าเราจะดูกี่ครั้ง เราต้องมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างหลายเท่าเลย โดยภาพแรกที่เราเห็นคือ ภาพขนนกที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าปลิวลอยเคว้งคว้างไปตามสายลมเบาๆ และก็ร่วงหล่นสู่เท้าของฟอร์เรส กัมพ์ ชายหนุ่มจิตใจดีและไร้เดียงสา ซึ่งเขาป่วยเป็นออทิสติก และมันก็ก็ไม่ง่ายเลยที่คนเป็นผู้ให้กำเนิดจะยอมรับได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่ใช่กับแม่ของฟอร์เรส ที่รักและเลี้ยงดูเขาให้เติบใหญ่ ด้วยบุคลิกที่เป็นแบบนี้ เขาจึงเชื่อฟังคำสอน คำพูดของทุกคน และรักษาสัญญาทุกๆ คำพูดที่เขารับปาก สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตหลายอย่าง หลายอาชีพ และเป็นผู้ชายที่คอยมองโลกแง่ดี ให้ความสุขกับตัวเองและผู้อื่นตลอด แต่นั่นก็ไม่ง่าย เพราะระหว่างทางของการดำเนินชีวิตเขาต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งดี ร้าย และชีวิตคนเราย่อมประกอบไปด้วยชะตาลิขิตและตัวเองลิขิต เราไม่มีทางรู้ว่าชีวิตนี้จะต้องเจออะไรบ้าง สิ่งที่เราทำได้ คือ ยอมรับและทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ไม่ยึดติด ไม่หวังสูงจนเกินไป และนั่นจะนำเราไปสู่ความสุขที่เราต้องการ
Credit: Aboutfriday.com
2. 3 Idiots
3 idiots หนังแนวเสียดสีสังคมและการศึกษาในประเทศอินเดีย ที่นำเสนอถึงกฎเกณฑ์ การแข่งขันในระบบการเรียนที่เข้มงวด โดยเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครหลัก 3 คน Rancho,Farhan และ Raju โดนทั้งสามเป็นเพื่อนกัน ที่พบเจอกันในมหาวิทยาลัยและเรียนอยู่ในคณะวิศวะ ชั้นนำของอินเดีย ในกลุ่มก็จะมี Rancho เป็นหัวโจก เป็นคนที่ดูเพี้ยน ขวางโลก แต่ก็ขี้สงสัยและชอบตั้งคำถาม ซึ่งคำถามที่ออกมาจากปากของ Rancho นี่แหละที่จะช่วยกระตุ้นต่อมคิดตาม เพราะล้วนแต่เป็นคำพูดที่สะท้อนถึงระบบการศึกษาได้โดนประเด็นสุดๆ
แต่สิ่งที่เราสนใจมากกว่า แนวคิดทางการศึกษา สิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้สอนให้กับเรา คือ ‘การที่เราทำสิ่งที่เรารัก แล้วสักวันมันก็นำพาความสุขและความสำเร็จมาให้เรา’ ซึ่งตัวละคร Rancho ได้พูดไว้เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนๆ ของพวกเขาเอง รวมถึงเขาเองด้วย มีการให้แง่คิดในเรื่องของมิตรภาพ และความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างอีกด้วย ซึ่งในหนังเรื่องก็ถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี มีความหลากหลายรูปแบบ และไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็ตามเกิดขึ้น ขอให้คิดเสมอว่า “Aal Izz Well” (All is well)
Credit: gineersnow, IMDb
Advertisements
3. Intouchable
หนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงของ ฟิลิปป์ มหาเศรษฐีวัยกลางคน ที่ประสบอุบัติเหตุจากกีฬากระโดดร่ม ทำให้เขาเป็นอัมพาต ซึ่งแน่นอนการเป็นผู้ป่วยประเภทนี้ ทำให้ฟิลิปป์โดนบั่นทอนจิตใจ ให้เหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ จากที่เคยใช้ชีวิตสุขสบาย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กลับกลายต้องเป็นคนพิการ ฟิลิปป์เลยหาพยาบาลมาดูแลเขา แต่ก็ยังไม่มีถูกใจ จนกระทั่งมาเจอหนุ่มผิวสี ดริสส์ ด้วยบุคลิคบางอย่างทำให้ฟิลิปป์ถูกใจและเลือกที่จะจ้างดริสส์ ทว่าสำหรับดริสส์เขาต้องการแค่เพียงลายเซ็นเท่านั้น จึงเกิดการท้าทาย และดริสส์ก็เลือกรับงาน ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แสดงถึงมิตรภาพที่แท้จริง ที่ทั้งคู่ใช้ความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเองเข้าหากัน ดั่งคำที่ว่า ‘ความจริงใจไม่ใส่หน้ากาก’
Credit: petiteaporter.com, soccersuck
4. Precious
หากเราคิดว่าชีวิตของเราโชคร้าย ดวงไม่ดีสุดๆ ขอแนะนำหนังที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย ซึ่งก็มาจากชีวิตของคนจริงๆ ได้ อย่าง Precious หนังที่สร้างมาจากบทประพันธ์ของแซปไพร์ปี 1996 เรื่อง Push ว่าด้วยเด็กสาวผิวสี ‘แคลรีซ พรีเซียส โจนส์’ ที่ชีวิตต้องต่อสู้กับความยากลำบากที่พบเจอและต้องหาทางฝ่าฟันไปจนได้
พรีเซียสโดนแม่แท้ๆ กดขี่ข่มเหง โดนพ่อแท้ๆ ข่มขืน ก่อนจะเสียชีวิตและจากไปด้วยโรคเอดส์ ทำให้เธอติดเชื้อ HIV ด้วย แถมยังตั้งท้อง ต้องออกจากโรงเรียนอีก และด้วยบุคลิกที่ไม่ค่อยชวนมอง ทำให้ผู้คนไม่ค่อยอยากจะมีปฏิสัมพันสัมธ์ต่อเธอ แถมยังต้องต่อสู้กับความยากจน ความขุ่นเคือง และภาวะไร้การศึกษา แต่ในความมืดก็ยังมีแสงสว่างอยู่ เธอได้เรียนการใช้ชีวิต ได้รับการศึกษา และดำเนินชีวิตไปพร้อมกับลูกๆ ของเธอ ทำให้เราได้คิดและสะท้อนออกมาได้ว่า การศึกษานั้นสำคัญ การได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง เพื่อนำความรู้ไปใช้ พัฒนาตนเองในชีวิตได้
Credit: watchmovie.com
5. The Green Mile
เมื่อพูดถึงคน ‘ผิวสี’ ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวหลายคนคงจะนึกถึงอาชญากรรม ยาเสพติด ทาส ชนชั้นแรงงาน ภาพลักษณ์ภายนอกที่ไปทาง ‘แง่ลบ’ และเป็นการเหยียดผิว ทำให้กลายเป็นค่านิยมที่ถูกส่งต่อจาก ‘รูปธรรม’ ที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตร กลับกลายเป็น ‘ค่านิยม’ และ ‘ความเชื่อ’ ส่วนบุคคลไป
The Green Mile หนังที่เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนประหาร ซึ่งในนั้นก็มีความสัมพันธ์และเหตุการณ์ที่มาจากบุคคลหลากหลายบทบาททางสังคม เช่น ผู้คมและนักโทษ โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่าง จอร์น คอฟฟี่ ที่ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงความสุข ความทุกข์ และความเศร้าจนเราอาจจะเสียน้ำตาได้ เพราะจากสภาพแวดล้อม ค่านิยม และความเชื่อเกี่ยวกับคนผิวสีนั่นเอง
Credit: paperblog.com, IMDb
Advertisements