บทเพลงที่เราๆ ได้ฟังกันตั้งแต่อดีต จนมาถึงปัจจุบันนั้น และเมื่อพูดถึงบทเพลงที่มีเรื่องราวอาถรรพ์หาคำตอบได้ยากของเมืองไทย เชื่อว่าหลายคนคงอดนึกถึงบทเพลง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวผีหลอนๆ ใช่ไหมละคะ แต่ทั้งนี้ยังมีเพลงที่มีเนื้อหาเป็นเพลงรักอกหัก ที่ปล่อยออกมาแล้วกลายเป็นชนวนเหตุให้ต้องขนลุกอีกเหมือนกันนะ ในครั้งนี้ UndubZapp ขอพาไปย้อนดู 5 เพลงดัง ที่เคยเกิดเรื่องราว อาถรรพ์มาแล้ว และเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่จะมีเพลงไหนบ้าง ลองมาดูกัน
1. เพลง ห้องสุดท้าย
หากพูดถึงเพลงดัง ของศิลปินอินดี้ ในยุคแรก อย่าง คุณ เอ้ รงค์ สุภารัตน์ หลายคนคงย้อนนึกถึงเพลงที่เล่าเรื่องราวการตามหาหญิงสาวที่ไม่รู้จัก เพลงนี้มีชื่อว่า “ห้องสุดท้าย” นั่นเองคะ เคยถูกใช้เป็นเพลงประกอบการจัดรายการเล่าเรื่องราวผีๆ ของทางคลื่นวิทยุ และภาพยนตร์อีกด้วย จนติดหูคุณผู้ฟังมาโดยตลอด โดยที่มาของการแต่งเพลงนี้ คุณ เอ้ เคยเล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่งตัวเองเคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งโบกรถอยู่ตอนฝนตก ตรงทางโค้งมีต้นไทร เจ้าตัวเห็นว่าดึกเลยแล้วก็รับขึ้นมา ซึ่งผู้หญิงคนนี้ขอให้ไปส่งที่อพาร์ตเมนท์หนึ่ง ก่อนลงจากรถก็ชี้ให้ คุณเอ้ ดูว่าตัวเองนั้นอยู่ตรงห้องสุดท้ายนั้น เมื่อมีโอกาสได้กลับไปที่อพาร์ตเมนท์นั้นอีกครั้ง ก็เลยคุยกับคนที่อยู่ที่นั่นว่า ตนเคยมาส่งผู้หญิงซึ่งพักอยู่ห้องสุดท้ายของชั้นใดชั้นหนึ่ง ปรากฏว่า คนที่นั่นบอกไม่มีคนอยู่ห้องนั้น! มีเพียงแค่เมื่อก่อน เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งพักอยู่ แต่ว่าโดนรถชนตรงโค้งที่มีต้นไทร ตายไปนานแล้วด้วย และนี่ก็คือที่มาของเพลงที่ คุณเอ้ แต่งไว้คะ
2. เพลง ใจเหลือๆ
สำหรับ เพลง “ใจเหลือเหลือ” ของวง Dr. Fuu หลังจากมีคนลือสนั่นต่อๆ มาว่า ถ้าฟังเพลงนี้ดีๆ จะได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วๆ อยู่ในเพลง ทั้งๆ ที่วงนี้มีสมาชิกเป็นชายหมด! แถมทางวงยังออกมาตอกย้ำความเชื่ออีกว่า ตอนที่อัดเสียงไม่มีผู้หญิงอยู่ในห้องอัด ทั้งนี้กลายเป็นเสียงวิจารณ์ปากต่อปากว่า แท้จริงแล้วเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้หญิงคนที่แต่งเพลง ซึ่งวง Dr.fuu ได้ไปขอซื้อเพลงนี้มาร้อง ปัจจุบันเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว แต่ก่อนที่จะเสียชีวิตเพียงไม่กี่นาที เธอคนนั้นได้พยายามเข้าไปฟังการอัดเพลงนี้ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงเดินทางกลับแต่เคราะห์ร้าย หญิงคนนั้นกลับโดนรถชนเสียชีวิต และอาจเป็นไปได้ว่าเสียงนั่นเป็นเสียงเธอ ทั้งนี้ผู้ดูแลค่ายเพลงดังกล่าว ออกมาชี้แจงอีกหลายเหตุผลว่าไม่เป็นความจริง เป็นแค่เพียงการเข้าใจผิดและลือกันไปเอง ถึงแม้จะเป็นเพียงความเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างไรในช่วงที่ทำอัลบั้มเพลง “ใจเหลือเหลือ” ก็มักจะมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
3. เพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ
Advertisements
สำหรับ เพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ที่ถูกร่ำลือหนักมากถึงอาถรรพ์ถ้าใครจะนำมาร้อง เนื่องจาก เจ้าของเพลงนี้ล่วงลับไปแล้ว ทำให้ผู้คนต่างวิจารณ์หนักขึ้นๆ หากจำกันได้ครั้งหนึ่งเพลงนี้ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง รักสามเศร้า และมีการพูดกันหนาหู ว่าถ้าใครเอาเพลงนี่ไป cover ใหม่ อาจจะมีอันเป็นไป เนื่องจากตอนท้ายเพลงบอกว่า แล้วสักวันจะไปหา… ในครั้งนั้นจึงไม่มีการ Cover เพื่อประกอบภาพยนตร์ รักสามเศร้า และเลือกใช้เวอร์ชั่นต้นฉบับของ โจ้ วงพอส เหมือนเดิม แต่ต่อมาก็มีนักร้องท่านอื่นนำมาร้องใหม่ ถึงแม้จะเพราะแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากย้อนเรื่องราวที่พูดถึงกัน ก็ทำเอาขนหัวลุกไม่น้อยเลยจริงๆ นะคะ
4. เพลง รักน้อง
มาต่อกันที่ เพลง รักน้อง ของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่กลายเป็นตำนานถูกเล่าลือเล่าอ้างมานานพอควร โดยเรื่องมีอยู่ว่า เนื้อเพลง รักน้อง หรือ เจ้านกน้อยอย่างที่ใครหลายๆ คนพูดจนชินปาก ของศาลายา มีเรื่องเล่ากันว่านักศึกษาพยาบาลคนหนึ่ง ซึ่งถูกผู้เป็นพ่อแม่บังคับให้เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ นักศึกษารายนั้นจึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้า ของหอพัก และได้เขียนเนื้อเพลงนี้ไว้ ก่อนที่จะดิ่งลงมาสู่พื้น ตั้งแต่ครั้งนั้น เพลง รักน้อง จึงเป็นเครื่องหมายระลึกถึงนักศึกษาพยาบาลคนนั้นด้วย เลยกลายเป็นที่มาของการห้ามชาว มหิดล ศาลายา ร้องเพลงนี้ในเวลากลางคืนเด็ดขาด!! ถ้าหากใครร้องขึ้นมาแล้ว จะต้องร้องต่อให้จนจบเพลง เนื่องจากจะเท่ากับเรียกนักศึกษาพยาบาลคนนั้นให้กลับมา หลังจากนั้นก็มักมีก็มีคนเห็นนักศึกษาพยาบาลคนดังกล่าว มาปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นน้องเห็นบ่อยๆ ในลักษณะกระโดดจากตึก แต่เมื่อนักศึกษาที่เห็นไปเรียกให้คนมาช่วย พอไปถึงจุดเกิดเหตุปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยใดๆ ทั้งสิ้น
5. เพลง มอญร้องไห้
ขอปิดท้ายที่ เพลง มอญร้องไห้ เพลงนี้มีทำนองค่อนข้างขนหัวลุก หลายคนคงจะรู้จักจากการได้ไปร่วมงานสวดศพ และโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ไม่นิยมนำเพลงนี้มาฟังเล่น ส่วนวงดนตรีที่เล่นเพลงนี้ได้ ก็จะจำกัดแค่วงที่เรียกว่า ปี่พาทย์มอญ เท่านั้น ว่ากันว่าเพลงนี้กลายเป็นเพลงต้องห้าม แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความลี้ลับ ส่วนสาเหตุคือ วันแรกของพระราชพิธีการพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อเทศนาจบลง พระราชาคณะกำลังสวดศราธพรตอยู่นั้น เผอิญเป็นเวลาย่ำค่ำ ซึ่งตามพระราชพิธีจะต้องมีการประโคมย่ำยาม และนางร้องไห้ก็เริ่มร้องประชันกับเสียงพระสวดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกไว้ว่า เสียงอึกทึกจนไม่เป็นส่ำ เป็นเหตุให้พระองค์ อับอายแก่นักการทูตต่างชาติ ดังนั้นในวันต่อ ๆ มาพระองค์จึงได้ทรงยกเลิกประเพณีนางร้องไห้นับแต่นั้นมา
Advertisements