อาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท หลังตื่นนอนรู้สึกไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า สมองไม่แล่น ไม่มีสมาธิทำงาน หงุดหงิดง่าย บางวันอาการเข้าขั้น วันนี้ไม่อยากตื่นไปทำงานเลย… อ่านเผินๆ แล้วเหมือนคนหมดไฟในการทำงาน หรือ Burn-Out อาการยอดฮิตของคนวัยทำงาน แต่ถ้าลองค้นหาคำตอบให้ดี อาการแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้ อาจเป็นอาการ Brain Fog ภาวะสมองล้า อยู่ก็เป็นได้
Brain Fog สมองล้าเมื่อหมอกปกคลุม
Brain Fog หรือ อาการสมองล้า เป็นภาวะที่วัยเรียนและวัยทำงานมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันรู้ตัว เกิดจากการทำงานของสมองอย่างหนัก สะสมเป็นเวลานาน พักผ่อนน้อย ใช้สายตาไปกับการทำงานตลอดทั้งวัน เมื่อชีวิตประจำวนลูปแบบนี้ทุกวัน ความเครียดมักจู่โจมแบบไม่รู้ตัว ทำให้นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท เมื่อตื่นนอนตอนเช้า จะรู้สึกมึนงง เบลอ ตื้อ สมองอ่อนล้า ตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้ากว่าเดิม เหมือนกับว่ามีหมอกปกคลุมไปทั่วสมอง ทำให้ไม่สมองไม่ตื่นตัว ร่างกายไม่สดชื่น
หากปล่อยให้เกิด Brain Fog ไปเรื่อยๆ ร่างกายจะไม่ใช่แค่เครียดอีกต่อไป แต่จะทำให้ร่างกายเริ่มสูญเสียความสามารถบางอย่างไป เช่น ความจำแย่ลง หลงลืมว่าสิ่งต่อไปที่จะต้องทำคืออะไร เริ่มทำงานผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรจะพลาด สมองตื้อไม่แล่นฉิว ความคิดสร้างสรรค์หายไป หลังจากนั้น สารเคมีที่เป็นสารสื่อประสาทในสมองเกิดการเสียสมดุล ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองแย่ลงจากเดิม อาจลุกลามไปถึงภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยได้
Brain Fog แตกต่างจาก Burn-Out อย่างไร
ถ้ามองถึงเรื่องสมดุลชีวิตที่ขาดหายไป ทั้ง Brain Fog และ Burn-Out มีผลกระทบไม่ต่างกัน นั่นคือทำให้จิตใจ “เสียศูนย์” และจำเป็นต้องได้รับการจูนใหม่ แต่ถ้าค้นลึกไปให้ถึงสาเหตุแล้ว Brain Fog เกิดจากสมองที่ทำงานหนักจนอ่อนล้า บวกกับพักผ่อนน้อย ส่งผลให้เกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัวแทรกแซงเข้ามา หากปล่อยไว้ให้เรื้อรัง ก็มีโอกาสที่สมองล้าจะลุกลามกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยได้
ส่วน Burn-Out เกิดจากความเครียดที่สะสม เรื้อรังมานานจากการทำงาน เมื่อความเครียคคุกคามชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจ ยิ่งปล่อยไว้นานก็ภาวะ Burn-Out ก็จะยิ่งกัดกร่อนสภาพจิตใจจนเกิดความรู้สึกหดหู่ เศร้า ขาดแรงจูงใจในการทำงานไปในที่สุด
สมองล้า คิดช้า แบบ Brain fog มาจากอะไร
อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา หลายครั้งมาจากพฤติกรรมของตัวเราเอง ถ้าลองสังเกตดูจะพบว่าชีวิตประจำวันของคนเรา ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานล้วนแต่มีโอกาสพลั้งเผลอทำให้สมองล้าได้จากกิจวัตรประจำวันได้ทั้งนั้น
1.พฤติกรรมการใช้สายตา จ้องจอ
การจ้องจอคอมพิวเตอร์ จอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ส่งผลให้สมองอ่อนล้า เพราะต้องเพ่งสายตาเพื่อต่อสู้กับแสงสีฟ้า ยิ่งถ้าทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และต้องสลับจอไปมา ก็จะยิ่งทวีคูณความเหนื่อยล้าให้สมองไปอีกหนึ่งระดับ อีกทั้งตัวเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เองก็มีคลื่นแม่เหล็กที่มีโอกาสรบกวนการทำงานสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
2. ความเครียดจากการทำงาน การเรียน
ความเครียด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสมองที่ชัดเจน เมื่อสมองได้รับคำสั่งให้ทำอะไรก็ตามที่ต้องเค้นเอาความตั้งใจมากๆ ออกมา มักจะตามมาด้วยความเครียด เมื่อเกิดความเครียดขึ้น สมองส่วนที่ชื่อว่า อมิกดาลา ในสมองส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกก็จะยิ่งถูกกระตุ้นและปล่อยอารมณ์ด้านลบออกมามากขึ้น ดังนั้น เมื่อเราตกอยู่ในภาวะเครียดจากการทำงาน การเรียนหนังสือ สมองในส่วนอมิกดาลาก็จะยิ่งทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นนั่นเอง
3.นอนไม่ได้คุณภาพ
นอนไม่ได้คุณภาพ หรือนอนหลับไม่สนิท ก็มีต้นสายปลายเหตุมาจาก “ความเครียด” เมื่อสมองคิดวนแต่เรื่องใดเรื่องหนึ่งจนไม่สามารถสลัดออกจากหัวได้ สมองจะยังเดินเครื่องทำงานต่อถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาพักผ่อนแล้วก็ตาม นอกจากความเครียดยังมีสิ่งอื่นที่เป็นปัจจัยที่ทำให้นอนหลับไม่สนิทได้ เช่น สภาพแวดล้อมในห้องนอน อาการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว ส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้น สมองเกิดความอ่อนล้าได้เช่นกัน
4.ขาดอาหารบำรุงสมอง
อาหารบำรุงสมอง มีส่วนสำคัญในการเติมพลังสมองให้พร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากพบสัญญาณเตือน เช่น หลงลืม ความจำสั้น นอนไม่ค่อยอิ่ม ฯลฯ ก็ต้องเติมอาหารบำรุงสมองอย่างเร่งด่วน ซึ่งอาหารบำรุงสมองที่ดีควรเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และบำรุงการทำงานของสมอง เช่น วิตามินบีซึ่งเป็นวิตามินเพื่อการบำรุงสมอง ลดความเครียดโดยเฉพาะ
Advertisements
ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่ใบเดิม (New Normal)
จะเห็นได้ว่าสาเหตุของ Brain Fog นั้นมาจากรูปแบบหรือวิถีชีวิตของเราที่เร่งเครื่อง เร่งรีบซ้ำแล้วซ้ำอีก การฝืนธรรมชาติเพื่อผลักดันเรื่องต่างๆ ไปให้ถึงเป้าหมายได้สำเร็จ จนบางครั้งเราได้ข้ามเส้นความปกติของชีวิตตามธรรมชาติไปโดยไม่รู้ตัว จนสุดท้ายเราได้รับการเตือนให้ปรับจูนวิถีชีวิตสู่ความปกติในรูปแบบใหม่หรือโลกใหม่ใบเดิม (New Normal) จากการจู่โจมของไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว กระทบสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก เหมือนเป็นธงเตือนภัยที่ชูขึ้นเป็นสัญญาณให้เรารับรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะ “พัก” จากวิถีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ แล้ว “เพิ่ม” วิถีชีวิตปกติในรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้แนวคิด New Normal มาปรับใช้กับภาวะสมองล้า Brain Fog เติมพลังสมองให้กลับมาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม
1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา
ในช่วงที่ Work From Home ไม่ได้สบายอย่างที่คิด เราต้องรับหน้าที่หลายบทบาท ทั้งลูกหรือแม่ พนักงานของบริษัท และอื่นๆ อีกมากมาย หาโอกาสและช่องว่างจากตรงนี้เพื่อพักสายตาจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนบ้างทุกๆ 1 ชั่วโมง มองต้นไม้ที่ทำให้รู้สึกสบายตา ตั้งเวลาเปิด-ปิดคอมให้เป็นเวลา เพราะไม่อย่างนั้น การทำงานเกินเวลาก็จะก่อให้เกิดความเครียด และก็จะวนเข้าสู่วงจรเดิม
2.บริหารความเครียดให้เป็น
เมื่อความเครียดเป็นสิ่งที่ต้องพบเจอทั้งตอนทำงานและเรียน ยิ่งเครียดมาก ร่างกายก็ยิ่งหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ดังนั้น ควรบริหารความเครียดให้เป็น เพื่อไม่ให้ความเครียดส่งผลกระทบต่อร่างกายและเกิดอาการสมองล้า หรือ Brain Fog อยู่ซ้ำๆ แต่ควรหาทางระบาย กำจัดความเครียดออกไป เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง ที่จรรโลงใจเพื่อให้สมองได้พักผ่อนจากเรื่องเครียด เช่น นั่งสมาธิเพื่อฝึกลมหายใจ ถ้าทำข้อนี้ไม่ได้ ก็เปลี่ยนไปจัดการความเครียดด้วยวิธีอื่นก็ได้
3.นอนให้ได้คุณภาพ
นอนครบ 8 ชั่วโมงต่อวันถือว่าเพียงพอต่อร่างกาย แต่บางครั้งก็ไม่ใช่เช่นนั้น แม้จะนอนครบ 8 ชั่วโมง แต่ก็ไม่หลับสนิทตลอดทั้งคืน ดังนั้น ต้องสำรวจว่า สภาพแวดล้อมของห้องนอนเป็นอย่างไรบ้าง เช่น กลิ่น ความสะอาด อุณหภูมิ อีกทั้งควรงดกิจกรรมกระตุ้นจิตใจก่อนนอน เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือ เพราะมีผลต่อคลื่นสมองโดยตรง ทำให้นอนหลับยากขึ้น หรือ นอนหลับไม่สนิท ควรงดก่อนนอนสัก 1 ชั่วโมง เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ
4.เติมพลังสมองด้วยวิตามินบีรวม
ความเครียดทำให้สมองที่อ่อนล้าจากการทำงาน ยิ่งอ่อนแอลง ขาดประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สดชื่น สมองไม่ตื่นตัว นอกจากนี้ความเครียดยังไปเล่นงานการไหลเวียนของเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมองอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้สมองขาดสารอาหารที่จำเป็นอีกด้วย หนึ่งในอาหารสมองที่จะทำให้สมองฟื้นตัวเร็ว และไปทดแทนพลังงานสมองที่เสียไป นั่นก็คือ วิตามินบีรวม ทั้ง 10 ชนิด จะกู้คืนความสดใสกลับมาให้สมองกลับมาปลอดโปร่ง ไร้เมฆหมอกปกคลุมอย่างที่เคยเป็น ซึ่งวิตามินบีที่สำคัญ คือ
- วิตามินบี 1 : ช่วยลดอาการเหน็บชาและลดอาการเครียด
- วิตามินบี 2 : ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น และเผาผลาญอาหาร
- วิตามินบี 3 : ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการปวดหัว ช่วยให้นอนหลับ
- วิตาบินบี 5 : ปรับการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
- วิตามินบี 6 : ช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่ลดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า
- วิตามินบี 7 : ช่วยนำน้ำตาลมาสร้างพลังงาน
- วิตามินบี 8 : ช่วยนำไขมันมาสร้างพลังงานกับร่างกาย
- วิตามินบี 9 : ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนสู่สมอง
- วิตามินบี 11 : ช่วยสร้างสารสื่อประสาทเกี่ยวกับความจำ (Acetyl Choline)
- วิตามินบี 12 : ช่วยในการสร้างเยื่อหุ้มประสาทและการส่งกระแสสัญญาณประสาท
วิตามินบีทั้ง 10 ชนิดนี้ เรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของสมองในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยเรียน และวัยทำงานที่ ชีวิตประจำวันหนีไม่พ้นความเครียด การทำงาน การเรียน การสอบ แต่เนื่องจากวิตามินบี เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง ดังนั้น เพื่อเป็นการบำรุงประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ให้ห่างไกลจากภาวะสมองล้าจาก Brain Fog อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ควรเติมวิตามินบี ที่มีวิตามินบีทั้ง 10 ชนิด และมีปริมาณสูง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้สมองนั้นทำงานดียิ่งขึ้น
การบำรุงสมองให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากรู้วิธีรับมือกับความเครียด วิธีใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ให้เป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจแล้ว การมองหาวิตามินบีปริมาณสูง ที่มีวิตามินบีรวมทั้งหมด 10 ชนิด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้สมอง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะวิตามินบีสูง ที่มีวิตามินบีทั้ง 10 ชนิด จะช่วยเสริมความจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง ลดความเครียด ปรับสมดุลอารมณ์ ช่วยให้สมองแข็งแรงไม่เสื่อมก่อนวัย เติมพลังสมองให้คุณพร้อมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับทุกกิจกรรมเต็มที่ได้ทุกวัน
ใส่ใจสุขภาพสมอง ลดความเครียด เพื่อให้สมองได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ด้วยวิตามินบีปริมาณสูง จาก MEGA We care
ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพสมอง และการรับมือกับความเครียด เพื่อให้สมองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จากผู้เชี่ยวชาญ คลิก
Advertisements