6 เรื่องราวของมินต์-มินตาสุดยอดสาวไทยคนเก่งในอเมริกา

ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศแห่งการให้โอกาส ไม่ว่าคนในชาติไหนก็ต่างมีความฝันที่จะมาทำงาน และอยู่อาศัยในประเทศนี้ แต่อย่างไรก็ดี หากถามชาวไทยที่มาอยู่ที่นี่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่แห่งนี้เป็นสถานที่เต็มไปด้วยโอกาสก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตที่สวยงามเสมอไป เพราะค่าครองชีพสูงมาก และการที่จะประสบความสำเร็จถึงขีดสุดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่างที่ผู้คนคิด และหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพที่สูงเกือบที่สุดในสหรัฐอเมริกา คือเมืองลอสแองเจลิส แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นที่ตั้งของย่านฮอลลีวูด ที่ขึ้นชื่อได้ว่าทุกอย่างล้วนแพงสุดขีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านเบเวอร์ลีฮิลล์ ที่เป็นแห่งที่อยู่ของดาราฮอลลีวูด และที่แห่งนี้เอง ก็เป็นที่ต้องของสถานความงาม ที่ให้บริการแบบครบวงจร และที่สำคัญคือ มีเจ้าของเป็นคนไทยแท้ ที่ชื่อว่า มิ้นต์-มินตา เปรมกมล ซาริส และในบทความนี้ พวกเราจะพาคุณไปรู้จักเธอให้มากขึ้นค่ะ

ชีวิตของเธอที่ประเทศไทย

มินตา-เปรมกมลนั้น เธอเกิดที่จังหวัดสิงห์บุรี และได้เติบโตที่จังหวัดพิจิตร เมื่อเธอจบการศึกษาระดับอนุปริญญาด้านการตลาด เธอก็เข้าทำงานเป็นเสมียนที่ศาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และเธอนั้นก็ได้คบหากับแฟนหนุ่มชาวอเมริกัน เป็นเวลา 2 ปี และได้แต่งงานกัน หลังจากนั้นเธอและสามีก็ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในขณะที่เธอมีอายุได้ 22 ปี และเธอได้บอกว่า ความรู้ทางภาษาอังกฤษของเธอนั้น แทบจะติดลบ แต่เธอก็ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่วแน่ว่าเธอนั้นจะต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ เพื่อที่จะเอาตัวรอดในประเทศที่เป็นบ้านใหม่ของเธอ

ชีวิตคู่ครั้งแรกที่จบลง

เมื่อเธอใช้ชีวิตร่วมกับสามีไปหลายปี ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เธอนั้นได้แยกทางกับสามีของเธอ และในตอนนั้น เธอมีเพียงแค่กรีนการ์ด ที่สามารถทำให้เธอทำงานที่อเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย และทรัพย์สินติดตัวเพียงเล็กน้อย เธอก็อยู่ในช่วงตัดสินใจ ว่าเธอจะอยู่ต่อในอเมริกา หรือเดินทางกลับประเทศไทย ที่เป็นบ้านเกิดของเธอ แต่ในช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์ 911 ที่เป็นโศกอนาฏกรรมครั้งใหญ่ และส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวลง เธอจึงตัดสินใจอยู่อเมริกาต่อ และหาเงินเล็กๆน้อยๆต่อไป

ธุรกิจครั้งแรกของเธอ

หลังจากที่เธอทำงานเก็บเงินไปพักหนึ่ง เธอก็มีทุนในการทำธุรกิจนำเข้า และขายของที่นำเข้าจากประเทศไทย ทำให้เธอมีรายได้มากขึ้น และเธอก็ได้เก็บรวบรวมเงินได้มากพอเพื่อที่จะซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย และขายต่อ 3 หลัง แต่ก็เหมือนโชคร้าย ที่เธอนั้นถูกโกง และประจวบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 จนหมดตัว เธอต้องขายบ้านทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ เหลือเพียงแต่รถยนต์ และเงินเพียง 2,000 ดอลลาร์ จนทำให้เธอก็ต้องใช้ชีวิต และอยู่อาศัยในรถยนต์ของเธอ 

อาชีพที่ทำให้เธอตั้งตัวได้

Advertisements

หลังจากนั้นเธอเข้าทำงานในร้านอาหาร ซึ่งเป็นบาร์อะโกโก้ ในตอนแรกเธอก็ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ด้วยเธอนั้นมีหุ่นดี และเธอก็เป็นคนสวย จึงมีคนชักชวนให้เธอทำงานเป็นนักเต้นอะโกโก้ ซึ่งในวันที่เธอทำงานในคืนแรก เธอทำเงินได้กว่าแสนบาท และเธอก็ถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพนี้เป็นอย่างมาก ทำให้เธอตั้งตัวได้อีกครั้ง แต่เธอก็คิดว่าเธอไม่สามารถทำอาชีพนี้ได้ยาวนานนัก เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง

อาชีพที่ทำให้เธอมีความสุขมาก

เธอเป็นคนรักสวยรักงาม ตามประสาของผู้หญิงทั่วไป เธอจึงเข้าเรียนการสักคิ้ว สักปาก เพื่อความสวยงาม เพื่อเอามาเป็นความรู้ในการประกอบอาชีพ แล้วเธอก็ได้ตัดสินใจทำอาชีพสักคิ้วให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ที่เข้ารับการรักษาในการรักษาแบบคีโม ทำให้เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยมากขึ้น และลูกค้าของเธอก็ต่างมีความสุข และรู้สึกมั่นใจ ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขที่สุด จนกระทั่งเธอนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอไม่สามารถประกอบอาชีพนี้ได้อีก

การเปิดธุรกิจ MD Medical Spa

หลังจากที่เธอไม่สามารถประกอบอาชีพนักสักคิ้วได้อีก เธอก็กลับมาหมดตัวอีกครั้ง แต่เพื่อนของเธอชวนให้มาลงทุนด้านธุรกิจเสริมความงาม จนก่อตั้งเป็นคลินิคที่ชื่อว่า MD Medical Spa โดยชื่อ MD นั้นมาจาก Minta Dynasty หรือ ราชวงศ์ของมินตา ซึ่งเป็นคลินิคเสริมความงามแบบครบวงจร และมีผู้มีชื่อเสียงของโลกมาใช้บริการมากมาย และเธอก็เพิ่งเปิดสาขาสอง ในย่านเบเวอร์ลีฮิลล์ ที่เป็นย่านแสนแพงที่สุดแห่งอเมริกา

Advertisements

Advertisements

Advertisements