การค้นพบทางโบราณคดี มักจะนำพาเราไปพบความสร้างสรรค์อันน่าทึ่งของคนในยุคก่อน ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ลึกลับ และมหัศจรรย์มาก จนแม้แต่วิทยาการที่ทันสมัยในปัจจุบันก็ยังต้องตั้งคำถามว่าพวกเขาทำได้อย่างไร โดยสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกนี้จะมีอะไรบ้าง UndubZapp จะพาเราไปหาคำตอบกันค่ะ
10. ข้อเขียนวอยนิช (Voynich Manuscript)
ตำราแห่งวอยนิช คือหนังสือลึกลับที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1912 ภายในหนังสือเต็มไปด้วยรูปภาพและตัวหนังสือที่ยังไม่มีผู้ใดในโลกนี้สามารถถอดความได้ นอกจากนี้ ยังมีภาพของพืชพรรณที่คล้ายกับสมุนไพร รวมทั้งภาพผู้หญิงเปลือยกับสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเส้นเลือด บางหน้าของหนังสือก็ดูเหมือนจะเป็นความรู้ด้านดาราศาสตร์ ปัจจุบันหนังสือแห่งนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที้ห้องสมุดเบนเนคเก้ มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา
9. นกโมอา (Mount Owen Moa)
นกโมอา เป็นนกขนาดใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ โดยคาดว่านกชนิดดังกล่าวได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนานกว่า 2,000 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี 1986 ได้มีนักโบราณคดีขุดพบกรงเล็บของนกโมอาภายในถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศนิวซีแลนด์ โดยกรงเล็บดังกล่าวยังมีสภาพสมบูรณ์และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ปัจจุบันได้มีการเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์
8. กำแพงหินป้อมปราการยักษ์ (Sacsayhuaman)
กําแพงหิน Sacsayhuaman เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในประเทศเปรู หินแต่ละก้อนที่ใช้ทำกำแพงมีความสูงกว่า 6 เมตรและมีอายุมากกว่า 100 ปี น่าแปลกคือ หินแต่ละก้อนมีรอยตัดที่ประณีตราวกับทำด้วยเครื่องจักร และวางซ้อนกันได้โดยไม่ต้องใช้ปูน เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีถึงเทคนิคการก่อสร้างอันเฉลียวฉลาดของชาวอินคา
7. เส้นนัซกา (Nazca Lines)
อีกหนึ่งอารยธรรมโบราณที่เป็นฝีมือของเผ่าอินคา คือ ภาพลายเส้นนาซก้า (Nazca) ซึ่งสัญลักษณ์รูปวาดหลากหลายชนิดที่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครหาคำตอบได้ว่าสร้างไว้เพื่ออะไร โดยภาพเหล่านี้ปรากฏอยู่บนทะเลทรายนาซก้า ในประเทศเปรู ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2537 กินอาณาเขตกว่า 80 กิโลเมตร และมีหลากหลายรูปแบบกว่า 300 ภาพ
6. วิหารลึกลับ Gobekli Tepe
Gobekli Tepe นับเป็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่มีความเก่าแก่มากที่สุด คาดว่าสร้างขึ้นในช่วง 10,000 ปีก่อนคริสตศักราช วิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี โดยนักโบราณคดียังคงพยายามที่จะไขปัญหาปริศนาลึกลับที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบและการก่อสร้างวิหารโบราณแห่งนี้
Advertisements
5. สุสานฉินสื่อหวง (Terracotta Army)
สุสานฉินสื่อหวง หรือมหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ตั้งอยู่ในมณฑลฉ่านซี ประเทศจีน มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อปี พ.ศ. 2517 ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า 25,000 ตร.ม.
© รูปต้นฉบับ: globalvolunteers
4. โมไอ (Moai Statues)
รูปปั้นโมไอ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างอันน่าพิศวง โดยเป็นหินสลักรูปคนขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินก้อนเดียว ทั้งนี้ มีรูปสลักโมไอกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ ในอุทยานแห่งชาติราปานูอี ประเทศชิลี โดยแต่ละตัวมีความสูงประมาณ 3.5 เมตร และมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 20 ตัน นับเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่ารูปปั้นเหล่านี้เกิดขึ้นจากอารยธรรมของเผ่าใดหรือในสมัยไหน
3. สโตนเฮนจ์ (Stone Henge)
สโตนเฮนจ์ เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงกันเป็นวงกลม ซ้อนกัน 3 วง โดยใช้หินทั้งหมด 112 ก้อน จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่า หินพวกนี้น่าจะมีอายุมากกว่า 5,000 ปีมาแล้ว แต่สิ่งที่น่าพิศวงคือ คนในยุคนั้นใช้อะไรในการเคลื่อนย้ายแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน จากสถานที่อันห่างไกล จนมาอยู่ที่ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี ประเทศอังกฤษ
2. มหาพีระมิดแห่งกีซา (Great Pyramid of Giza)
มหาพีระมิดในประเทศอียิปต์ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 481 ฟุต เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ เพื่อรอการกลับคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียว ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
© รูปต้นฉบับ: sciencenewsforstudents
1. แอตแลนติส นครที่หายสาบสูญ (Atlantis the Lost city)
แอตแลนติสเป็นเมืองสาบสูญที่มีความน่าพิศวงมากที่สุดในบรรดาการค้นพบของนักโบราณคดี กล่าวกันว่าแอตแลนติสเป็นทวีปหนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง มีกำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารที่สร้างด้วยเงิน คาดว่าช่วงเวลาที่แอตแลนติสล่มสลาย คือประมาณ 12,000 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เปลือกโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย โดยแอตแลนติสอาจอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งนักประดาน้ำบางคนพบขุมทองบริเวณนั้นนั่นเอง
Advertisements