พนักงานออฟฟิศทุกคนนั้น นอกจากจะต้องต่อสู้กับงานที่เยอะมากมายแล้ว ยังต้องต่อสู้กับความเสื่อมของร่างกายด้วย ซึ่ง UndubZapp มี 10 อันดับโรคที่พนักงานออฟฟิศมักเป็น พร้อมกับอาการและวิธีการรักษาด้วย เพื่อให้คุณนั้นเรียนรู้ไว้ ถ้าเป็นแล้วจะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง จำไว้ล้มป่วยร่างกายทรุดไป บริษัทหาคนใหม่แทนคุณได้อยู่ดี รักงานได้ แต่ต้องหาเวลารักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะ
10. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
– โรคนี้จะเกิดกับสาวๆ บ่อยครั้ง เพราะว่า ท่อปัสสาวะของผู้หญิงนั้นสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่ายกว่า และยังเป็นอวัยวะแบบเปิดซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อตอนที่มีเพศสัมพันธ์ได้ โดยสาวๆ ที่นั่งทำงานนานๆ หรือว่าต้องเดินทางไกลต้องกลั้นปัสสาวะก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้น
– อาการของโรคคือ ปวดปัสสาวะบ่อย แต่เวลาเข้าห้องน้ำแล้ว ปัสสาวะออกน้อย หรือพอจะสุดแล้วรู้สึกแสบ สีของปัสสาวะอาจมีสีขุ่นหรือคล้ำ อาจจะมีอาการเป็นไข้ เจ็บตรงท้องน้อยหรือบริเวณเอว
– วิธีการรักษา คือ ดื่มน้ำให้มากๆ เพราะน้ำจะช่วยขับเชื้อโรคออกมา พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะ และที่สำคัญควรรักษาความสะอาดให้ถูกวิธีด้วย และไม่ควรใส่กางเกงที่รัดเกินไป เพราะอาจเกิดการอับชื้นและเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อโรคได้ เพราะฉะนั้นใครปัสสาวะไม่ค่อยออก แสบขัดก็ต้องดูแลตัวเองหน่อย
9. นิ่วในถุงน้ำดี
-สาเหตุของโรค ความจริงแล้วมีหลายสาเหตุมาก เช่น การทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ เพศ กรรมพันธุ์ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป เป็นต้น
-อาการของโรค ปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนบนด้านขวา ปวดร้าวไปถึงกระดูกสะบักหรือไหล่ด้านขวา ปวดรุนแรงและเป็นเวลานานด้วย อาเจียน คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เสียดแน่นท้องตรงลิ้นปี่เมื่อทานอาหารที่มีไขมันสูง
-การรักษาโรค จะมีทั้งการผ่าตัดและส่องกล้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครอยากเป็นหรอกจริงไหม
8. มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค
-สาเหตุของโรค เกิดจากการที่เราจับเมาส์ หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน จนเกิดอาการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ
-อาการของโรค นิ้วล็อคเมื่อเรางอนิ้วและไม่สามารถยืดคืนมาได้ เมื่อยืดนิ้วกะทันหันแล้วนิ้วงอทันที นิ้วขยับยากขึ้นในตอนเช้า เป็นต้น
-การรักษาโรค ให้ยืดเส้นยืดสายบ้าง ปรับเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน การประคบร้อนหรือประคบเย็น การรักษาด้วยยา หรือหากมีอาการมาก อาจจะถึงขั้นผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมเลยทีเดียว ศัลยกรรมข้อนิ้วแล้ว อยากลางานไปศัลยกรรมหน้า แต่คิดไปคิดมาเจ้านายคงไม่ปลื้มเท่าไร
7. ความดันโลหิตสูง
– มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่อาจทำให้คุณเป็นได้ ทั้งอายุ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการกิน การเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคอ้วน ความเครียด การรับประทานอาหารรสเค็ม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เป็นต้น โดยหากเกิดจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต คนที่นั่งในสำนักงานและไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมากขึ้น
– อาการของโรค อาจมีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลม แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็วหรือช้ากว่า ปกติ ตามัว เป็นต้น
– วิธีการรักษา ส่วนใหญ่แล้วต้องปรับพฤติกรรมของตัวเราเอง เช่น งดการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้อ้วนเกินไป รวมถึงเลือกรับประทานอาหารที่ไขมันต่ำด้วย เพราะฉะนั้นใครไม่อยากเป็นโรคนี้ก็ต้องดูแลตัวเองกันหน่อย
6. โรคปวดหลังเรื้อรัง
– โรคนี้เป็นโรคของ office syndrome อย่างแท้จริง และมีสาเหตุมาจากการนั่งทำงานที่ไม่ถูกวิธี และความเสื่อมของกล้ามเนื้อ
– อาการของโรค ส่วนใหญ่แล้วจะปวดบริเวณเอว
– วิธีการรักษา รับประทานยา ประคบเย็น ประคบร้อน รวมถึงการออกกำลังกายด้วย สำหรับคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ ควรพักเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายด้วย แต่หากมีอาการที่รุนแรงมาก และปวดหลังไม่หายแบบนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพราะฉะนั้นคงต้องนั่งให้ถูกวิธีหน่อย งั้นลองขอเก้าอี้เพื่อสุขภาพกับเจ้านายดูสิ หึหึ
Advertisements
5. ไมเกรนหรือการปวดศีรษะเรื้อรัง มีตั้งแต่ปวดแบบไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรง
อาการของโรค คือ ถ้าปวดแบบรุนแรงนั่นคือ การปวดหัวแบบรุนแรงและเกิดขึ้นโดยฉับพลัน เกิดอาการคอแข็งร่วมด้วย มีไข้ แขนขาอ่อนแรง หรือว่า มีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ทานยาแล้วไม่หาย แต่ถ้าปวดแบบไม่รุนแรง แค่กินยาก็รักษาได้แล้ว เพราะอาการปวดหัวนี้มักจะเกิดจากความเครียด หรือเกิดจากอาการตึงของกล้ามเนื้อ การปวดแบบนี้ไม่มีอันตราย แต่ว่าอาจจะรบกวนชีวิตประจำวันบ้าง ยังไงก็อย่าลางานให้มากเกินแล้วกัน เพราะนอกจากจะปวดหัวแล้วอาจปวดใจเพราะโดนไล่ออกด้วย
4. ต้อหิน ตาพร่ามัว
-สาเหตุของโรค เกิดจากการใช้สายตาเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการอักเสบติดเชื้อจากคอนแทคเลนส์ที่ใส่เป็นเวลานาน หรือความดันในลูกตามีความผิดปกติ
-อาการของโรค มีอาการตาแห้ง ตาแดง ดวงตาอ่อนล้า เวลามองภาพแล้วเกิดภาพซ้อน มองไม่ค่อยชัด
-วิธีการรักษา ใช้ยาหยอดตา และอย่าลืมแบ่งเวลาในการพักสายตาบ้าง พักสายตาเท่านั้นนะ ไม่ใช่นอนในเวลางาน พักมากงานไม่เดินเจ้านายเขม่นไม่รู้ด้วยนะ
3. กรดไหลย้อน
-สาเหตุ เกิดจากการที่เรารีบเคี้ยวอาหารแล้วกลืนอย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งเครียด ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่จัด ซึ่งพนักงานออฟฟิศทุกคนมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้สูงมาก
-อาการของโรค แสบยอดอก เรอมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เสียงแหบแบบเรื้อรังหรือมีกลิ่นปาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน
-วิธีการรักษา คุณควรที่จะปรับพฤติกรรมการกินและการนอน รวมถึงถ้ามีอาการหนักมากควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาต่อไป
2. โรคอ้วน
– อันนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุมาก แต่สำหรับชาวออฟฟิศอาจมาเหตุมาจาก การที่เราทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำและไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย กว่าจะกลับจากที่ทำงานก็ไม่มีเวลาออกกำลังกายแล้ว เมื่อเราทำพฤติกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็เกิดการสะสม ทำให้เราเป็นโรคอ้วนโดยไม่รู้ตัว
– เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราอ้วนแล้ว เราจะวิเคราะห์จากดัชนีมวลกาย โดยใช้สูตรคำนวณ ดังนี้ มวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร)2 รวมถึงการใช้สายวัดวัดรอบเอวเป็นเซนติเมตร นั่นคือ ผู้ชายควรมีรอบเอวน้อยกว่า 90 เซนติเมตร และผู้หญิงน้อยกว่า 80 เซนติเมตร ถ้ามากกว่าที่กำหนดไว้ก็มีความเสี่ยงว่าเราเป็นโรคอ้วน
-วิธีการรักษา คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน ไม่ควรทานอาหารที่มีไขมันสูงเกินไป เป็นไปได้ ควรทำอาหารมากินเอง เน้นผักผลไม้ และควรหมั่นเดินไปไหนมาไหนบ้าง เช่น ถ้าไม่รีบมากลองใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ก็ช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายมากขึ้น เป็นต้น ถ้าไม่อยากอ้วนลงพุง ใส่เสื้อผ้าไม่สวยก็ต้องฟิตร่างกายกันหน่อย
1.โรคเครียด นอนไม่หลับ
-สาเหตุของโรค อาจจะมาจากการเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคกระเพาะ ไมเกรน หรืออุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น รวมไปถึงปัญหาทางจิตใจ เช่นความเครียด ซึมเศร้า ดีใจตื่นเต้นหรือประหม่าเกินไป
-อาการของโรค นอนไม่หลับ รู้สึกตัวกลางดึก อ่อนล้า หมดแรง ง่วงนอนตลอดวัน
– วิธีการรักษา รักษาโดยการบำบัดของแพทย์ คือมีการวัดระดับความรุนแรงของโรค การทำแบบสอบถามเพื่อให้แพทย์วินิจฉัย การให้คำปรึกษาและการบำบัด
10 อันดับโรคที่พนักงานออฟฟิศมักเป็นกัน หากคุณมีอาการของโรคก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง แต่ถ้าอาการของโรคทวีความรุนแรงจนส่งผลต่อชีวิตประจำวันควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อบรรเทาอาการและทำการรักษาต่อไป
Advertisements