ง่วงนอนตอนเช้า ทำไงดี? 😴 UndubZapp ขอชวนพ่อแม่พี่น้องที่กำลังประสบปัญหาตื่นแล้วยังง่วง มาเรียนรู้วิธีแก้ง่วงตอนเช้า ปลุกตัวเองโดยไม่พึ่งกาแฟ ใครกำลังมองหา ‘วิธีแก้ง่วง ฉบับออฟฟิศ’ และ ‘วิธีแก้ง่วงเวลาเรียน’ ลองนำเทคนิคไปใช้ในดูนะคะ
อย่างไรก็ดี ทุกคนต้องไม่ลืมว่าวิธีแก้ง่วงตอนเช้าที่เรานำมาฝากทุกๆ คนวันนี้ เป็นวิธีแก้ง่วงแบบออแกนิค คือ ไม่พึ่งกาแฟ ไม่พึ่งยา จึงอาจจะเห็นผลช้าสำหรับบางคน และต้องใช้วินัยในการปฏิบัติตามนิดนึงนะคะ แต่รับประกันว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เวิร์คในระยะยาว ช่วยฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิผลแน่นอนค่ะ ส่วนวิธีการดังกล่าวจะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลยค่ะ!
1.ดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน
ผลจากการวิจัยของ Henri Poincare University พบว่า คนที่นอนกรน หายใจทางปากขณะหลับ และหยุดหายใจขณะหลับ มักสูญเสียน้ำขณะนอนหลับมากกว่าคนที่หายใจทางจมูกถึง 42% ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าน้ำคือสิ่งสำคัญสำหรับร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำ ก็จะเกิดอาการปากแห้ง คอแห้ง อ่อนเพลีย ง่วงซึม จึงไม่แปลกเลยที่หลายๆ คนตื่นมาแล้วยังเพลียอยู่
ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรดื่มน้ำหลังตื่นนอนให้เป็นนิสัย เพื่อเติมน้ำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย นอกจากจะส่งผลให้เราสดชื่นทันทีที่ตื่นนอนแล้ว ยังเปรียบได้ดั่งการเปิดสวิตช์ให้ร่างกาย อาการง่วงซึมจึงหายไป ทั้งนี้ ควรดื่มน้ำที่ระดับอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด เพราะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยในการขับถ่ายได้ด้วย
2.ตื่นปุ๊บ ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมปั๊บ
การตื่นเช้านั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การตื่นเช้าเพียงอย่างเดียวและยังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม อาจทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ไม่เต็มที่ เพราะยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในสเตตัสพร้อมหลับยกสองทุกเมื่อ ฉะนั้นแล้ว พอตื่นปุ๊บ เราควรลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆ ทันที
ถ้ารู้ว่าการนอนไถฟีดอยู่บนเตียงอาจทำให้ร่างกายง่วงได้อีก ลองเปลี่ยนเป็นหากิจกรรมอื่นๆ ทำตอนเช้า เป็นต้นว่า ออกกำลังกายเบาๆ เล่นโยคะ รดน้ำต้นไม้ ไปช้อปปิ้งที่ตลาด เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติก เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ปลุกให้ร่างกายหายง่วงแบบออร์แกนิค การฝึกทำกิจกรรมทันทีหลังตื่นนอนทุกๆ เช้ายังช่วยให้ร่างกายคุ้นชิน จึงไม่ค่อยสะลึมสะลือในช่วงเวลาดังกล่าวอีก
3.หยุดใช้นาฬิกาปลุกเสียงดัง
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักตั้งนาฬิกาปลุกเสียงดังๆ เพื่อปลุกตัวเองในตอนเช้า แต่เชื่อหรือไม่ว่าการใช้นาฬิกาปลุกเสียงดังส่งผลเสียแก่ร่างกายมากกว่าผลดี ผลจากการวิจัยของ RMIT University พบว่า อาการง่วงนอนตอนเช้าของคนเราสัมพันธ์กับเสียงนาฬิกาปลุกที่เราเลือกใช้ กล่าวคือ ยิ่งเสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีสิทธิสะลึมสะลือตอนเช้ามากขึ้นเท่านั้น
Advertisements
เนื่องจากการสะดุ้งตื่นด้วยเสียงที่เร่งเร้าโสตประสาท ก่อให้เราเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น แทนที่เราตื่นมาแล้วจะกระปรี้กระเปร่า ก็กลายเป็นว่ารู้สึกง่วงซึมแทน นอกจากนี้ เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นยังส่งผลเสียต่อประสาทการได้ยินในระยะยาวอีกด้วย
สรุปง่ายๆ ก็คือ การตั้งนาฬิกาปลุกด้วยเสียงดังรุนแรง ชนิดที่ว่าต้องลุกขึ้นมาปิดบัดเดี๋ยวนั้น (ซึ่งคุณอาจคิดว่าช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัวได้ชะงัด) เป็นวิธีการตื่นที่ไม่ถูกต้อง
เพราะเสียงดังๆ จะรบกวนสมองจนต้องตื่นกะทันหัน แทบไม่มีเวลาได้ปรับตัว ส่งผลให้ร่างกายงงงวยตามไปด้วย ผลที่ตามมาคือง่วงเหงาหาวตลอดทั้งวัน ถ้าจำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุกจริงๆ ล่ะก็ ควรเลือกเสียงปลุกชนิดที่ค่อยๆ ปลุกให้เราตื่นจะดีกว่า
4.รีเซ็ตนาฬิกาชีวิตใหม่
แท้จริงแล้ว ร่างกายของคนเรามีนาฬิกาชีวิตอยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งกิจวัตรที่ทำในแต่ละวัน มลภาวะจากสภาพแวดล้อม ความเครียด รวมถึงการนอนดึก ส่งผลให้นาฬิกาชีวิตของหลายๆ คนผันผวน ร่างกายจึงจำไม่ได้ว่าควรตื่นเวลาใดกันแน่
ข้อสำคัญที่ต้องทำอีกประการเพื่อขจัดโมเมนต์ง่วงนอนตอนเช้าอย่างยั่งยืน คือ ต้องรีเซ็ตนาฬิกาชีวิตใหม่หมด ใช้ชีวิตให้ถูกสุขอนามัย ฝึกเข้านอนเวลาเดิมให้เป็นนิสัย ไม่ทำร้ายตัวเองด้วยการนอนดึก
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด เพื่อปรับสมดุลการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต รวมถึงฝึกตื่นเวลาเดิมทุกๆ เช้า เพราะการตื่นด้วยตัวเองทุกเช้าโดยไม่มีการกระตุ้นคือการตื่นที่ดีที่สุด
เริ่มฝึกตื่นด้วยตัวเองตอนเช้าง่ายๆ ด้วยการตื่นก่อนเวลาปกติ 10 นาที ครั้งแรกอาจฝึกให้ได้ต่อเนื่อง 2-3 วัน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆ ให้ร่างกายคุ้นเคยกับตารางเวลาตื่นใหม่
ถ้าทำได้เช่นนี้เป็นประจำ เราจะสามารถตื่นได้ด้วยตัวเอง และถ้าเพื่อนๆ สามารถปฏิบัติตามข้อ 1-4 ได้จนเป็นนิสัย เราเชื่อว่าอาการง่วงนอนตอนเช้าจะค่อยๆ หายไปในที่สุด แล้วเพื่อนๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ตื่นมาด้วยความสดใส พร้อมรับวันใหม่อย่างแน่นอนค่ะ 🌞
Advertisements