ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในปัจจุบัน เป็นเหตุผลหลักที่อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและท้อถอย อย่างไรก็ตาม ท้อได้แต่ห้ามถอยนะคะ เพราะอุปสรรคในชีวิตที่ต้องเจอทุกวัน จะกลายเป็นประสบการณ์ให้เราแข็งแกร่งขึ้น และนอกจากกำลังใจที่ UndubZapp จะมอบให้แล้ว เรายังมีวีธีดีๆ ถึง 9 วิธีที่จะช่วยให้คุณชาร์จพลังให้แข็งแกร่งเพื่อลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งค่ะ
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ในช่วงที่ภารกิจหนักหนาสาหัส หลายคนอาจลดเวลานอนพักผ่อนเพื่อแบ่งเวลาไปทำงานให้มากขึ้น แต่นั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะเพราะการนอนหลับไม่เพียงพอ นอกจากจะส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียแล้ว ยังทำให้มีอาการมึนงงและหงุดหงิดง่าย ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง โดยปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน แต่อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ได้เล็กน้อยตามความเหมาะสม สำหรับ คนทีมีปัญหานอนหลับยาก ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดก่อนนอนสักครึ่งชั่วโมง เช่น การอ่านหนังสือ และฟังเพลงเบาๆ รวมทั้ง ลดการใช้เครื่องมือสื่อสารเพื่อให้จิตใจสงบลงด้วยค่ะ
2. ลดระดับความเครียด
มีงานวิจัยพบว่า ความเครียดและความเหนื่อยล้ามีความสัมพันธ์แบบแปรผันตามกัน แต่จะคาดหวังให้ชีวิตนี้คุณไม่ต้องพบเจอกับความเครียดเลยคงเป็นเรื่องยาก แต่เราสามารถหาวิธีที่จะลดระดับความเครียดของตัวเองได้ค่ะ ด้วยการพยายามหาเวลาและพื้นที่ส่วนตัวเพื่ออยู่กับตัวเองสักพัก ให้เวลาผ่อนคลายตัวเองจากปัญหาต่างๆ โดยอาจเลือกที่จะอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรืออาจเดินปลีกตัวออกจากสถานการณ์ที่กดดันเพื่อพักสมองบ้างค่ะ
3. หากิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย
หากคุณอยู่ในอาการที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน การออกกำลังกายอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณคิดถึง แต่การออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายความเครียดไม่จำเป็นต้องเข้มข้นมากขนาดนั้นค่ะ เพียงแค่ออกกำลังกายเบาๆ เพียงวันละ 10 นาทีก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว แต่สำหรับวันหนักๆ ที่ไม่สามารถหาเวลาออกกำลังกายได้จริงๆ การเดินเล่นในที่ทำงานสัก 5-10 นาทีก็ช่วยให้ผ่อนคลายและเป็นการยืดเส้นยืดสายไปในตัวค่ะ
4. ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่
บุหรี่คือตัวทำลายสุขภาพของคุณที่รุนแรงที่สุด แถมยังทำให้คุณต้องเสี่ยงกับการเป็นโรคร้ายต่างๆ เช่น มะเร็งปอด , โรคหัวใจ และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ที่สำคัญ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้เกิดความเหนื่อยล้า เพราะ ควันจากบุหรี่จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของปอดลดลง และส่งผลให้ออกซิเจนในร่างกายลดลงตามไปด้วย
5. จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หลายคนเข้าใจผิดว่า การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้สามารถนอนหลับสบายและคลายความเหนื่อยล้าได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณจะตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยล้าแทนที่จะสดชื่น นอกจากนี้ อาการเมาค้างจะยิ่งทำให้คุณสุญเสียพลังไปมากกว่าเดิม
Advertisements
6. ทานอาหารที่มีประโยชน์
หากรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีแรงอยู่เสมอ อาจต้องหันมาพิจารณาด้านโภชนาการดูบ้าง เพราะพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่น การบริโภคแป้ง น้ำตาล ไขมัน มากเกินไป และไม่ทานโปรตีนให้เพียงพอ เป็นเหตุให้มวลกล้ามเนื้อในร่างกายลดลงซึ่งเป็นสาเหตุของการรู้สึกไม่ค่อยมีแรงค่ะ
7. ลดการบริโภคน้ำตาล
คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะทานขนมหรือน้ำหวานเพื่อคลายความกระหายและความเหนื่อยล้า ซึ่งอาจทำให้รู้สึกสดชื่นได้ในช่วงสั้นๆ แต่ความจริงแล้วการเพิ่มปริมาณน้ำตาลในร่างกายกลับทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามากยิ่งขึ้นจากฮอร์โมนอินซูลินที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล แถมยังอาจพ่วงด้วยโรคเบาหวานตามมาอีกด้วย
8. เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำจำนวนมากถึง 55 – 75% ของมวลร่างกายทั้งหมด ซึ่งระหว่างวันเราอาจสูญเสียน้ำได้ทั้งทางเหงื่อและปัสสาวะ โดยการขาดน้ำจะส่งผลถึงระบบการทำงานของสมอง อารมณ์ และพลังงานของร่างกายได้ ทางที่ดีคุณดื่มน้ำทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกกระหาย โดยเฉพาะท่ามกลางอากาศร้อน หรือการทำกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อมาก ยิ่งต้องดื่มน้ำให้มากเป็นพิเศษค่ะ
9. มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมให้มากขึ้น
เมื่อใดที่เริ่มรู้สึกเหนื่อย การได้เข้าสังคมเพื่อพูดคุยกับเพื่อน หรือเข้าทำกิจกรรมกลุ่มก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดและเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้ โดยมีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า คนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นจะมีสุขภาพที่ดีกว่าคนที่มักแยกตัวจากสังคม
Advertisements