หลายๆ คนไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ดวงตาเป็นอวัยวะที่ซับซ้อนมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากสมอง เราเรียนรู้ผ่านสายตาของเราถึง 80% โดยดวงตาสามารถประมวลผลข้อมูลได้ถึง 36,000 ภาพชิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง เช่นเดียวกับ หลายๆ คน ไม่รู้จักวิธีการรักษาถนอมดวงตา ตรงกันข้าม หลายคนอาจลงมือทำลายดวงตาของตัวคุณเองโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศในยุคนี้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ นั่งมองจอทั้งวัน ทำให้สุขภาพสายตาของคุณนั้นโดนทำลายไปทีละน้อย วันนี้เรามาดูกันค่ะว่า มีพฤติกรรมเสี่ยงของมนุษย์ออฟฟิศอะไร บ้าง ที่ทำลายสุขภาพสายตาของเราโดยไม่รู้ตัว
1. การสูบบุหรี่
เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ทำให้มีผลกระทบกับการมองเห็น เกิดการมองภาพผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว หรือ มืดดำไปเลย การได้รับควันบุหรี่เรื้อรังสามารถทำลายดวงตาได้ เพราะสารพิษในควันบุหรี่สามารถทำลายเซลล์ประจอสาทตา โดยมีหลักฐานการวิจัยพบว่า คนสูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อโรคถึง 6 เท่า และเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคนี้ได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 ปี
2. ไม่ดูแลสุขภาพ
จนทำให้ตัวเองเป็นโรคต่างๆ อย่าง
– ความดันโลหิตสูง ซึ่งเมื่อเป็นแล้วต้องกินยาลดความดันเลือด ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นที่เร็วกว่าผู้ป่วยรายอื่น ๆ
– โรคเบาหวาน เมื่อเป็นแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดจะไม่คงที่ ทำให้น้ำซึมผ่านเข้าและออกนอกเลนส์ตาที่มีลักษณะคล้ายเลนส์นูน เมื่อนานวันเข้าจะส่งผลให้เลนส์ตาบวมเหมือนเลนส์นูนในคนสายตาสั้น ทำให้มองไกลไม่ชัด
– โรคไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet Dry) ที่จะมีหลอดเลือดผิดปกติงอกใหม่ในผนังลูกตาชั้นกลาง ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่มีความเปราะบาง เมื่อเกิดการแตกหรือรั่วซึม จะทำให้มีเลือดและของเหลวค้างอยู่ใต้จอประสาทตา เกิดการทำลายจอประสาทตาอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการตาบอดได้
– โรคอ้วน ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะที่ไขมันไปสะสมในปมประสาทของจอตา ทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
Advertisements
3. ไม่ระวังแสงแดด
แสงแดดมีรังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือ รังสียูวี (UV rays) ถึง 3 ชนิด คือ รังสียูวี เอ – บี และ ซี โดยเฉพาะรังสียูวี ซี ที่มีพลังงานสูงที่สุดและทำร้ายดวงตาได้มากที่สุด และรังสียูวี เอ ที่สามารถทะลุผ่านกระจกตา เข้าไปสู่เลนส์ตาและจอตาได้ การรับรังสีพวกนี้เป็นประจำจะทำให้เป็นโรคต้อกระจก และการมองภาพเสื่อมได้ และในแต่ละปี มีคนกว่า 16 ล้านคนทั่วโลกตาบอดจากต้อกระจก เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ชอบใส่แว่นตากันแดด ก็เท่ากับว่า คุณก็กำลังทำร้ายสุขภาพสายตาของคุณอยู่นะคะ
4. จ้องจออิเล็กทรอนิกส์ทั้งวัน
คนไทยใช้เวลา 7.2 ชั่วโมงต่อวันหรือเกือบ 1 ใน 3 ของวันไปกับหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งจอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ และจอโทรศัพท์มือถือ ที่มีแสงจ้าสีฟ้าที่ใกล้เคียงกับช่วงคลื่นรังสียูวี ถ้าได้รับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดจุดภาพชัดเสื่อม เซลล์จะถูกทำลายอย่างช้าๆ และทำให้สูญเสียการมองเห็นส่วนกลางอย่างถาวร
5. ดื่มน้ำน้อย ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
ชีวิตการทำงานของมนุษย์ออฟฟิศก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะดื่มน้ำน้อยและทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ได้ง่ายๆ และถ้าคุณดื่มน้ำน้อยก็มีผลต่อดวงตาค่ะ ทำให้เกิดอาการตาแห้ง เกิดความคันตา แสบตา ระคายเคือง และมีอาการอักเสบและกระจกตาเป็นแผลได้ค่ะ ในขณะที่การทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ก็จะทำให้ขาดสารอาหาร ขาดวิตามินที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตา อย่างพวก ผักผลไม้ที่ให้วิตามิน เอ ซี อี หรือผลไม้ที่มีแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา และลดความเสี่ยงของภาวะต้อกระจก
เรามีดวงตาแค่ 1 คู่เท่านั้นนะคะ เพราะฉะนั้น ต้องไม่เผลอทำร้ายสุขภาพสายตาของตัวเอง เพราะดวงตา ไม่ใช่เป็นแค่หน้าต่างของหัวใจเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าต่างของการเรียนรู้และเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของเราด้วยค่ะ
Advertisements