ไม่ว่าใครก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่หลายๆ คนไม่รู้วิธีเอาชนะอุปสรรค เจอกับปัญหาทีไร จิตใจก็เริ่มคิดลบ ทำให้พลังงานชีวิตพลอยติดลบไปด้วย UndubZapp ขอเสนอ ขั้นตอนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เปลี่ยนชีวิตด้วยความคิดพลังบวก ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ในชีวิตจริง การคิดบวกจะช่วยเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร ไปติดตามกันค่ะ!
1.ยอมรับความแตกต่าง
จุดเริ่มต้นของพลังงานคิดลบ ที่ทำให้พลังใจในการทำงานของหลายๆ คนถดถอย เกิดจากการที่บุคคลเหล่านั้น ไม่สามารถยอมรับความแตกต่างของผู้อื่นได้ กลายเป็นว่าชีวิตติดหล่มอยู่กับปัญหาความไม่เข้าใจในตัวผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น “ทำไมคนนั้นถึงทำแบบนั้น” “ทำไมคนนี้ถึงทำแบบนี้” เป็นต้น เริ่มฝึกฝนวิธีพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการยอมรับความแตกต่างให้ได้ก่อน
ไมว่าคนที่เราทำงานด้วย จะอยู่ในสถานะใด ตำแหน่ง หรือเป็นคนแบบไหนก็ตาม เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของคนนั้นๆ ให้ได้ เพราะการที่งานจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องอาศัยการสอดประสานจากทุกฝ่าย ต่อให้ไม่ชอบหน้ากันแค่ไหน แต่ The show ก็จำเป็นต้อง go on ต่อไปอยู่ดี ฉะนั้น ลองปรับลดทีละนิด อย่าให้ทิฐิมาบดบังวิสัยทัศน์การทำงานได้
2.หยุดเอาชนะ “คนชอบเอาชนะ”
Advertisements
คงมีหลายครั้งเลยแหละ ที่หลายๆ คนพยายามยอมรับความแตกต่างก็แล้ว พยายามอยู่เงียบๆ ก็แล้ว แต่เหล่าคนชอบเอาชนะทั้งหลายในที่ทำงาน ก็ยังไม่ยอมสงบศึก จ้องจะเอาชนะเรา หาจังหวะคอยข่มเรา หรือคอยจิกกัดเราด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอยู่ดี
เมื่อพบคนเป็นโรคแพ้ไม่เป็น ทางที่ดีให้หันหัวเรือหนีออกห่างให้มากที่สุด เพราะการเอาเรือเข้าชนกับภูเขาน้ำแข็งน่ะ ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ดีหรอก นอกจากจะทำให้เรือของเราเกิดรอยร้าวได้แล้ว ยังเสี่ยงต่อการเจอภูเขาน้ำแข็งถล่มอีกต่างหาก เปลี่ยนมาหาวิธีเดินเรือต่อไปข้างหน้าอย่างไรไม่ให้ชนกับภูเขาน้ำแข็งให้ได้ดีกว่า ใครจะไร้ความผิดชอบก็ช่างเขา อย่าเอาตัวเราลงไปอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน
3.ทบทวนจุดยืนของตัวเอง
คนทำงานหลายคนเมื่อต้องเจอกับคนที่เกลียดเรา ก็มักจะคิดตัดพ้อต่อว่าตัวเอง หรือสถานการณ์รอบข้าง ที่ทำให้เราตกกระไดพลอยโจน มีคนมาเหม็นหน้าเราแบบงงๆ เป็นเหตุให้พลังชีวิตหดหาย กลายเป็นว่าหันมองรอบตัวอีกทีก็มีแต่พลังงานด้านลบ
ใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ ขอให้ทำใจให้เข้มแข็ง ดึงพลังใจออกมาใช้ให้มาก หยิบยกความกล้าหาญชาญชัยที่ทำให้ตัวคุณเองใช้ชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้มาเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตต่อไป เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกว่าพลังใจในการทำงานกลับมาแล้ว ลองกลับมาทบทวนจุดยืนของตัวคุณเองว่า
คุณเข้ามาทำงานที่นี่เพราะอะไร เพราะต้องการความก้าวหน้าในชีวิต และต้องการเงินเดือนที่มั่นคงใช่หรือไม่? ถ้าคุณตอบว่า ‘ใช่’ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสนใจสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ โฟกัสชีวิตอยู่ที่สองเรื่องนี้ แล้วทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ก็พอ
Advertisements