อาการคันก้น เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย และจะยิ่งทำให้ชีวิตมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้นหากคุณต้องรู้สึกคันในเวลาที่ไม่สามารถเกาได้ เช่น ในรถไฟฟ้า ในห้องประชุม หรือ ขณะพรีเซนต์งาน เหมือนจะตลก แต่ไม่ตลกเลยนะคะหากต้องเจอกับตัวเอง แต่ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ส่วนสาเหตุของการคันก้นยุกยิกจะมีอะไรบ้างนั้น UndubZapp หามาเกากันให้ถึง 9 ข้อเลยค่ะ
1. ระคายเคืองเพราะไม่สะอาด
เนื่องจากบริเวณนั้นคือส่วนที่ใช้ในการขับถ่ายของเสีย แน่นอนว่าหากไม่รักษาความสะอาดย่อมก่อให้เกิดเชื้อโรคสะสมและการระคายเคืองขึ้น ตามมาด้วยอาการคันยุกยิกแบบยากจะบรรยาย แต่นอกจากจะสะอาดแล้ว ก็ต้องอ่อนโยนด้วย เพราะการใช้กระดาษชำระเช็ดอย่างรุนแรงหรือใช้กระดาษที่หยาบเกินไปก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและตามมาด้วยอาการคันเช่นกัน
2. ผิวแพ้ง่าย
การมีผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายมักทำให้เกิดการระคายเคืองได้จากหลายสาเหตุ แถมเกิดได้หลายจุดทั่วร่างกาย รวมทั้งก้นและทวารหนักด้วย โดยการแพ้มักจะก่อให้เกิดการบวมแดงและอาการคัน นอกจากนี้ อาการดังกล่าวยังสามารถเกิดจากโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งต้องให้แพทย์วินิจฉัยเพื่อการรักษาที่ตรงจุด
3. ระคายเคืองเพราะเสื้อผ้า
หลายครั้งที่อาการระคายเคืองเกิดขึ้นเพราะเสื้อผ้า โดยเฉพาะชุดชั้นในที่ต้องสัมผัสกับก้นโดนตรง ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้จากวัสดุที่ทำ หรือความสะอาดของชุดชั้นในก็สามารถทำให้เกิดผื่นคัน โรคกลากและอาการคันจากเชื้อราได้เช่นกัน
4. คันจากการแพ้อาหาร
อาการผื่นคันที่เกิดจากการแพ้อาหารสามารถเกิดขึ้นได้บนผิวทั่วร่างกาย ซึ่งรวมถึงบริเวณก้นด้วย สำหรับบางคนอาการแพ้อาจเริ่มต้นแสดงที่ก้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งหากคุณสังเกตได้ว่าผื่นคันเกิดขึ้นเฉพาะเวลาทานอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง การงดอาหารชนิดนั้นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาค่ะ
5. พยาธิเส้นด้าย
ผู้ป่วยที่มีพยาธิเส้นด้ายมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกคันก้น โดยเฉพาะบริเวณทวารหนักอย่างมาก ซึ่งการมีพยาธิเส้นด้ายเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไข่พยาธิ ซึ่งมักจะเป็นอาหารที่ไม่สะอาดเพียงพอ แต่โชคดีที่เราสามารถรักษาการติดเชื้อพยาธิเส้นด้ายได้ด้วยการทานยาติดต่อกันสองสัปดาห์ค่ะ
Advertisements
6. โรคริดสีดวงทวาร
เมื่อการระคายเคืองบริเวณทวารหนักมีอาการแย่ลงหรือเรื้อรังเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดเป็นริดสีดวงทวาร และมักทำให้คุณมีอาการเลือดออกขณะขับถ่าย ปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่เป็นโรคริดสีดวงโดยไม่รู้ตัว แต่มักพบว่าตัวเองมีอาการคันบริเวณที่ขับถ่ายเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วนี่ไม่ใช่โรคร้ายแรงและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดื่มน้ำ และรับประทานไฟเบอร์ให้มากขึ้นค่ะ
7. โรคหิด
โรคหิดเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย รวมทั้งบริเวณก้นและทวารหนัก ซึ่งโรคนี้มักทำให้มีอาการคันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม โรคหิดสามารถรักษาได้ด้วยการทายา หรือโลชั่นสำหรับโรคนี้โดยเฉพาะ ซึ่งต้องทาให้ทั่วร่างกายเพื่อไม่ให้ตัวหิดเคลื่อนย้ายไปบริเวณอื่นได้
8. โรคเรื้อรัง
การป่วยด้วยโรคบางอย่างในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดการคันและระคายเคืองบริเวณทวารหนักได้ โดยเฉพาะโรคที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีการอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การรักษาจึงต้องเริ่มรักษาที่โรคต้นเหตุ ร่วมกับรักษาบริเวณที่อักเสบตามอาการค่ะ
9. มะเร็งทวารหนัก
ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตื่นตระหนกว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงเมื่อมีอาการคันก้น แต่แน่นอนว่า เราไม่ควรมองข้ามสัญญาณดังกล่าวเพราะนั่นก็ถือเป็นอาการหนึ่งของมะเร็งทวารหนักเช่นกัน เนื่องจากมะเร็งบางประเภทแพร่กระจายบนเซลล์ผิวหนัง และมักจะมีอาการคันเป็นหนึ่งในสัญญาณหลัก ดังนั้น ถึงแม้จะมีเปอร์เซ็นต์การเป็นมะเร็งน้อยมาก แต่ก็ควรตรวจให้แน่ใจเพราะการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกมีโอกาสหายขาดได้มากทีเดียวค่ะ
แซ่บกันต่อ…
>> ขี้โรค ป่วยบ่อย ภูมิแพ้ไม่หาย!! 7 อันตราย “นอนที่นอนเก่า” เปลี่ยนด่วน
>> คันหูดูไว้! แคะหูอย่างไรปลอดภัย ไม่เสี่ยงขี้หูอุดตัน หูชั้นนอกอักเสบ
Advertisements