10 นิสัยแย่ๆ ฉุดรั้งความสำเร็จ ที่มนุษย์เงินเดือนอย่าทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากล้มเหลว จากแนวคิดบริษัทเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ โค้ชให้ความรู้พนักงาน และแนวทางการสร้างแบรนด์ให้โด่งดัง อาทิเช่นบริษัท Mindvalley , goBRANDgo! , Be Inspired PR และอีกมากมาย ที่ได้ตกตะกอนแนวคิดทั้งหมด 10 ข้อหลักๆ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งความสำเร็จของมนุษย์ออฟฟิศ จะมีอะไรบ้าง ลองไปปรับใช้กันดูนะคะ เหล่าคนสำเร็จทั้งหลายในอนาคต
1. ปฏิเสธไม่เป็น
มนุษย์ออฟฟิศหลายคนน่าจะตกอยู่ในภาวะนี้มากันบ้าง เมื่อได้รับมอบหมายงานไปเสียทุกอย่างโดยไม่ได้คำนึงถึงขีดจำกัดหรือความสามารถ ความถนัด มนุษย์เงินเดือนหลายคนมักไม่กล้าปฏิเสธเพราะเกรงใจ ไม่กล้าขัดคำสั่งหรือกลัวมีผลกับการประเมินผลงาน จริงๆ แล้ว เราควรที่จะปฏิเสธไปตรงๆ ว่าผม/ดิฉันไม่ถนัดงานนี้ ถ้าทำอาจจะออกมาไม่ดีพอ แต่ถ้าหัวหน้าอยากให้ลองเพื่อเป็นประสบการณ์ ผม/ดิฉันยินดีลองทำครับ/ค่ะ หรือเลือกที่จะปฏิเสธไปเลยแล้วเสนองานที่ตัวเองถนัดหรือสามารถทำได้ดี แล้วทำให้สุดความสามารถ ตอบแบบนี้ ถ้าคุณโชคดีได้หัวหน้าเก่งๆ รับรองได้ใจหัวหน้าไปเต็มๆ
2. ไม่ทะเยอทะยาน ไม่กล้าแตกต่าง
คนที่มีความสามารถ เก่งจริง สำเร็จจริง จะมีความทะเยอทะยานสูง หาจุดเด่นของตัวเองในทางที่ดีที่เป็นของเฉพาะตัว เพื่อให้เป็นที่จดจำว่า “งานนี้ไม่มีใครทำได้ดีเท่าฉันอีกแล้ว” ซึ่งแตกต่างจากคนธรรมดาที่ทำงานไปวันๆ ทำตามคนอื่น ไม่กล้าคิดแตกต่าง เพราะความกลัว ไม่กล้าออกจาก Comfort Zone คนเหล่านี้มักจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะคนเก่งๆ ไฟแรงๆ จะเข้ามาแทนที่อยู่เสมอ
3. ทำงานไป กินไป
เจ้าของธุรกิจมากมายมักมีภารกิจการงานเยอะ จนไม่มีเวลาพักกินข้าวจริงๆ จังๆ ก็ต้องทำงานไปกินไป ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเลย นอกจากจะกินข้าวไม่มีความสุขแล้ว ยังทำให้งานที่ออกมาขณะนั้นไม่ดี ไม่ต่างจากการจับปลาสองมือ เพราะฉะนั้นควรทำทีละอย่างให้เสร็จ สละเวลาซัก 10-20 นาทีทานอาหารโดยตัดขาดจากงานชั่วครู่ แล้วหลังจากทานเสร็จจะลุยงานให้เต็มที่ยังไงก็ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ
4. ไม่ออกกำลังกาย
ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น การออกกำลังกายจะช่วยให้เราเปิดโลกใบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่การนั่งโต๊ะทำงาน การขับรถขณะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งทำให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย ได้พบปะพูดคุยกับคนใหม่ๆ อาจจะทำให้เราได้ไอเดียดีๆ ที่สามารถพลิกชีวิตเราไปตลอดกาลเลยก็เป็นได้นะ
5. ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
ไม่ต่างจากการจับปลาสองมือเช่นเดียวกับข้อที่ผ่านมา การโฟกัสจดจ่ออยู่ที่งานเดียว ค่อยๆ ทำให้เสร็จทีละอย่าง ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานนี้นิดนึง และเปลี่ยนไปทำงานนู่นนิดนึง สมองของเราสามารถทำงานได้หลายอย่างก็จริง แต่ถ้าให้ทำออกมาได้ดีนี่ยากมากเลยนะ
Advertisements
6. เร่งงานด้วยอีเมล
การสั่งงาน เร่งงานด้วยอีเมล แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวด้านการสื่อสาร การใช้อีเมลขอให้เป็นการตอบจดหมายข้อความเพื่อเป็นหลักฐาน ไม่ใช้พื้นที่ในการเร่งงาน ทางที่ดีถ้าอยากถามว่างานดำเนินการอยู่ในขั้นตอนไหน ควรเดินไปคุยแบบให้เห็นหน้าหรือผ่านโปรแกรมแชทก็ได้
7. ปล่อยงานที่ยังผิดพลาด
ความรอบคอบมุ่งมั่นเพื่อไปสู่ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด คือการค้นพาข้อผิดพลาดจากงานนั้นให้ได้มากที่สุดเพื่อเราจะได้แก้ไขมันได้ทันท่วงที เพราะฉะนั้นก่อนงานนั้นจะถูกเผยแพร่หรือดำเนินการ ได้โปรดตั้งคำถามกับมันอย่างตรงไปตรงมาว่ามันสามารถมีข้อผิดพลาดอะไรได้บ้าง และควรแก้ไขมันอย่างไร รีเช็คหลายๆ รอบให้ได้มากที่สุดเท่าที่เวลามันยังพอมี
8. หักโหม
การขยันทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่งานทำงานหนักเกินไปจนไม่ได้พัก หรือสมองคิดแต่เรื่องงานตลอดเวลาจนเครียด ไม่ต่างจากการที่เรามีความคิดที่มากเกินไปพันกันยุ่งเหยิงในหัว เพราะสมองไม่ได้พักผ่อน งานที่ออกมาย่อมไม่มีประสิทธิภาพเป็นแน่ สู้พักจิตปล่อยใจให้สบาย สมองยิ่งโล่งผ่อนคลาย ไอเดียดีๆ เจ๋งๆ ยิ่งเข้ามาเพียบกว่าเก่าอีก
9. ให้ความสำคัญกับอีเมลจนเกินไป
ปัญหานี้มักเกิดกับระดับหัวหน้างานที่อีเมลถูกส่งเข้ามาไม่ต่ำกว่า 100 เมลในทุกๆ วัน ซึ่งจริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอ่านทั้งหมดก็ได้ เพราะ 70% จากเมลทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวข้องกับคุณมากนัก เขาแค่อยากให้คุณรับรู้เฉยๆ เรื่องของคนอื่นก็ปล่อยให้คนอื่นจัดการไป สู้มุ่งเน้นงานของเราให้เจ๋งดีกว่า
10. ไม่จัดลำดับความสำคัญของงาน
นับเป็น Key of Success เลยสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จในยุคนี้ ที่จะต้องมีความสามารถประเมินงานในมือของตัวเองว่างานไหนควรทำก่อน ทำหลัง งานไหนสำคัญที่สุด งานไหนสำคัญน้อยกว่า จากนั้นให้ทำงานที่สำคัญและด่วนสุดก่อน แล้วทุกงานจะเสร็จทันตรงตามเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องมากังวลงานอื่นๆ ให้ลำบากใจ ถ้าเราเลือกงานไหนก็โฟกัสงานนั้นให้ดีที่สุดค่ะ
Advertisements