มนุษย์เรากินอาหารอยู่ทุกๆ วัน วันละอย่างน้อย 3 มื้อ แต่น้อยคนนักจะใส่ใจในเรื่องโภชนาการคุณประโยชน์ของอาหารที่ใส่ลงไปในกระเพาะ UndubZapp จะมาพูดถึงผลการศึกษาเรื่อง Uncovering the Nutritional Landscape of Food ที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาอาหารกว่า 1,000 ชนิด แล้วให้คะแนน พร้อมทั้งจัดอันดับคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งยิ่งคะแนนสูงเท่าไร ยิ่งมีผลดีค่ะ และได้สรุปผลออกมาโดยเราได้นำมาจัดเป็น 10 อันดับอาหารที่อุดมไปด้วยโภชนาการ ซึ่งผลที่ได้ก็คือ
อันดับที่ 10 ปลากะพงแดง
ปลากะพงแดง ชื่อภาษาอังกฤษว่า Snapper ซึ่งได้ไป 69 คะแนน ปลากะพงแดงจัดอยู่ในตระกูลปลาทะเล ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เป็นแหล่งของโปรตีนที่ย่อยง่าย มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว และกรดไขมันพิเศษที่เรียกว่า โอเมก้า-3 สูง พร้อมทั้งแร่ธาตุ และวิตามินอย่าง แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี วิตามินบี 12 วิตามินเอ นอกจากนี้ปลากระพงแดงยังเป็นปลาที่มีไขมันอยู่น้อย คือ มีไม่เกิน 2 กรัมต่อ 100 กรัมค่ะ
อันดับที่ 9 บีทกรีน
บีทกรีน หรือ Beet Greens ได้ไป 70 คะแนน เพราะมีคุณค่าแม้ว่าจะมีรสขมเล็กน้อย แต่มีวิตามินซีและวิตามิน A วิตามิน K แคลเซียม รวมทั้งโฟเลทในระดับสูง
อันดับที่ 8 ไขมันหมู
ไขมันหมู ได้คะแนนไป 73 คะแนน เพราะเป็นแหล่งรวมวิตามินบีและแร่ธาตุ ที่สำคัญไขมันหมูยังมีความเป็นไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่าไขมันจากเนื้อสัตว์ อย่างแกะหรือเนื้อวัว
อันดับที่ 7 ผักสวิสชาร์ด
ผักสวิสชาร์ด หรือ Swiss Chard ได้ 78 คะแนน ที่ประกอบด้วย Polyphenol antioxidants ถึง 13 ชนิด มีประโยชน์ในการต่อต้านความชรา นอกจากนี้ยังมีวิตามิน C สูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยให้มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง และยังมีวิตามิน A สูงช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ช่วยในการป้องกันการอักเสบของเซลล์
อันดับที่ 6 เมล็ดฟักทอง
เมล็ดฟักทอง ได้ไป 84 คะแนน อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน กรดอะมิโน แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงสายตา มีกรดไขมันที่ส่งเสริมการสร้างฮอร์โมนเพศ ทำให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานเป็นปกติ ช่วยให้ผิวพรรณเนียนเรียบ ป้องกันผิวจากการทำลายของแสงแดด มีสารคิวเคอร์บิทีน (Cucurbitine) ที่มีฤทธิ์ฆ่าพยาธิ
Advertisements
อันดับที่ 5 เมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย หรือ Chia Seeds ได้ไป 85 คะแนน เมล็ดเจียมีคุณค่าทางสารอาหารอุดมไปด้วยกากใย โปรตีน กรดไขมันลิโนเลนิก สารประกอบฟีนอล และวิตามิน
อันดับที่ 4 ปลาซีกเดียว
ปลาซีกเดียว หรือ Flatfish ได้ 88 คะแนน ปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ปราศจากสารปรอท รวมทั้งเป็นแหล่งรวมวิตามินบี 1
อันดับที่ 3 ปลาเพิร์ช
© รูปต้นฉบับ: westcoasttrawlers
ปลาเพิร์ชจากมหาสมุทร (Ocean Perch) ได้ 89 คะแนน ปลาสายพันธุ์แอตแลนติกชนิดนี้อาศัยอยู่ในทะเลลึก มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวที่ต่ำ
อันดับที่ 2 น้อยหน่า
© รูปต้นฉบับ: finedininglovers
น้อยหน่า (Cherimoya) ได้ 96 คะแนน มีเนื้อที่เหนียวนุ่มและหอมหวานจนได้ชื่อว่า “Sugar Apple” เนื้อน้อยหน่า 100 กรัม ให้คาร์โบไฮเดรตในรูปของน้ำตาลฟรักโทสและกลูโคส สูงถึง 20 กรัม ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัด เสริมภูมิคุ้มกัน และต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีสารประกอบโพลีฟีนอลอย่างแทนนินและคาเทชิน ที่สามารถลดการอักเสบในโรคต่าง ๆ ได้ และยังมีแคลเซียมบำรุงกระดูก และโพแทสเซียมช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย รวมทั้งลดความดันโลหิตอีกด้วย
อันดับที่ 1 อัลมอนด์
อัลมอนด์ (Almonds) ได้ 97 คะแนน อัลมอนด์เป็นถั่วที่อุดมไปด้วยไขมันดี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ถ้ารับประทานอัลมอนด์ 30 กรัม หรือประมาณ 24 เมล็ด ร่างกายจะได้พลังงานถึง 160 แคลอรี่ และยังได้กรดไขมันอิ่มตัว 1 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Mono-unsaturated Fatty Acids) 13 กรัม ซึ่งช่วยบำรุงหัวใจหลอดเลือด และมีโปรตีนถึง 6 กรัม การกินอัลมอนด์จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล พร้อมได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ส่งเสริมความจำ และการทำงานของระบบย่อย รวมทั้งระบบการเผาผลาญพลังงาน คุณสมบัตินี้จึงทำให้อัลมอนด์ได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดค่ะ
Advertisements