แม้ว่าประเทศไทยจะประสบพบเจอกับมรสุมอย่างมากมาย หากแต่ประเทศไทยก็จะยังคงมุ่งไปสู่ความเจริญอย่างไม่ล่าถอย จากเดิมเป็นประเทศเกษตรกรรม ก็ดำเนินการก้าวสู่ระบบอุตสหกรรมที่ทันสมัย
บทเพลงดังที่จะกล่าวในบทความนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลายๆ บทเพลงที่อยากให้ทุกคนได้มาลองรับฟังกัน เพื่อส่งผ่านความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าให้คลายลง และแปรเปลี่ยนไปเป็นความคิดถึงที่เมื่อได้ย้อนกลับไปมองก็พอจะทำให้ยิ้มขึ้นมาได้ … แม้ว่าจะยิ้มทั้งน้ำตาก็ตาม
ผู้ปิดทองหลังพระ
เนื้อหาของเพลง ได้มีการบอกเล่าถึงเรื่องราวพระราชกรณียกิจและการทรงงานเพื่อประชาชนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยทรงงานเป็นดั่งผู้ผิดทองหลังพระ ที่ทรงเสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อปวงชนคนไทย และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของบทเพลงนี้ คือจะมีพระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเรียบเรียงเป็นบทเพลงได้อย่างไพเราะ ซึ่งทางผู้แต่งเพลงนี้ อย่าง “แอ๊ด คาราบาว” ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการแต่งเพลงนี้ว่า ต้องการที่จะทำให้คนไทย จำพระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้
“…65 ปีทำเพื่อราฎษร์ ทวยไทยทั้งชาติสมควรภาคภูมิ มีพระมหากษัตริย์เฝ้าคอยห่วงใย ทุ่มเทพระวรกายเพื่อเรา ค้นคิดแนวทางพระราชดำริ ตลอดการครองราชย์อันยืนยาว น้ำมีปลาในนามีข้าว ล้นเกล้าชาวไทยมีพระองค์ท่าน”
Advertisements
อยู่อย่างพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียง เป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือน เสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป”
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากวารสารชัยพัฒนา ฉบับประจำเดือนสิงหาคม 2542
สิ่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ปลูกฝังและวางรากฐานให้กับพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด คือหลักแนวคิดการใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง ให้มีกินอย่างพอมีพอใช้ เหลือจากการอุปโภคบริโภค ก็นำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกมาขาย เพื่อเป็นรายได้ของครอบครัวต่อไป หากแต่ว่าในชีวิตของสังคมในปัจจุบัน เป็นระบบเศรฐกิจสังคมแบบทุนนิยม จนทำให้วิถีชีวิตของผู้คน มีการแก่งแย่งแข่งขัน จนบางครั้งก็ลืมมองย้อนกลับไปว่า ความสุขที่แท้จริงแล้ว ไม่ใช้การร่ำรวยเงินทองมหาศาล หากแต่ว่าเป็นการใช้ชีวิตแบบง่ายๆ สุขสงบ และดำเนินรอยตามแนวคิดแบบพอเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“…อยู่อย่างพอเพียง ใกล้ตัวความสุขยังมี อยู่อย่างพอดี ไม่มีความทุกข์ร้อนในใจ สุขจริงแท้ในชีวิตคน จะค้นเจอได้ไม่ไกล อยู่ในใจของคนรู้จักเพียงพอ”
จนวันนี้ แม้ว่าพ่อหลวงของแผ่นดิน จะไม่อยู่กับเราแล้ว แต่ผืนแผ่นดินไทยผืนนี้ ผืนดินที่พ่อรักษาไว้ ลูกๆ ของพ่อก็ควรจะรักษาให้ดำรงไว้ ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าถึงการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่น คือการที่คนไทยทุกคนต้องจับมือกันไว้ให้แน่นๆ และทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงรักประชาชนและรักประเทศไทยอย่างสุดซึ้ง หน้าที่ของเรา คนไทยทุกคน จึงต้องสานต่อปณิธานของพ่อ เพื่อให้ต้นไม้ของพ่อ ประเทศไทยของเรางดงามสืบไปตราบนานเท่านาน
Advertisements