Juice Cleanse คือ การดีท็อกซ์ร่างกายด้วยการดื่มน้ำผักผลไม้สกัดเย็นแทนการรับประทานอาหารหนึ่งมื้อ เชื่อกันว่าเป็นวิธีการที่ช่วยให้ร่างกายได้พักระบบย่อยอาหาร กำจัดของเสียที่เกาะอยู่ตามชั้นไขมัน ปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งน้ำผักผลไม้สกัดเย็นก็คือน้ำผักผลไม้ที่ใช้วิธีสกัดโดยไม่ผ่านใบมีด ไม่ผ่านความร้อน เพื่อเซฟวิตามินที่อยู่ในผักผลไม้ไว้ให้มากที่สุดนั่นเอง หลายๆ คนจึงเปรียบการทำ Juice Cleanse ว่าเสมือนกับการรีเซตชีวิตใหม่ให้ร่างกายยังไงยังงั้น แล้วการล้างพิษด้วยวิธี Juice Cleanse นั้นดีแค่ไหน? เราทุกคนจำเป็นต้องทำ Juice Cleanse เพื่อให้กระเพาะอาหารของเราได้พักผ่อนหรือเปล่า? ตาม UndubZapp ไปหาคำตอบกันค่ะ
1.ใครเป็นคนริเริ่มกระแส Juice Cleanse?
แท้จริงแล้ว Juice Cleanse มิได้เพิ่งเป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพเกิดใหม่อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพราะ Juice Cleanse เป็นวิธีดีท็อกซ์ร่างกายที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนนู้นนู่นแน่ะ การคอนเฟิร์มจุดเริ่มต้นที่แท้จริงอาจทำได้ยากเสียหน่อย แต่ถ้าพูดถึงร้านค้าที่เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจน้ำผลไม้ธรรมชาติตามสไตล์คนรักสุขภาพแล้วล่ะก็ ต้องยกเครดิตให้ Jamba Juice ที่เริ่มต้นกิจการมาตั้งแต่ช่วงปี 90 นู่นเลย เพราะหลังจากที่ Jamba Juice เปิด ร้านน้ำผักผลไม้และสมูธตี้บาร์ก็ผุดเป็นดอกเห็ด พร้อมๆ กับที่กระแส Juice Cleanse เกิดขึ้น
รูปต้นฉบับ ©pixabay.com
กระแสดังกล่าวยิ่งบูมมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อบรรดาเซเลบริตี้ต่างพากันเผยเคล็ดลับดูแลร่างกายให้ไบรท์ด้วยการดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำผักผลไม้ ผู้คนจึงพากันทำตามยกใหญ่ เกิดผลลัพธ์ในแง่บวกมากมาย ทำให้ Juice Cleanse ไม่ใช่เทรนด์สุขภาพที่ผ่านมาและผ่านไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ดูแลสุขภาพมาจนถึงทุกวันนี้
2.การล้างพิษด้วย Juice Cleanse มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
การล้างพิษด้วยผักและผลไม้เป็นการดื่มน้ำผักผลไม้สกัดแทนการรับประทานมื้ออาหารหนึ่งมื้อ ร้านค้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายคอร์สน้ำผักผลไม้ดีท็อกซ์ มักจัดลำดับการดื่มน้ำผักผลไม้เป็นลำดับ 1, 2, 3, 4, 5 ให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนการล้างพิษจึงมีแค่ดื่มตามมื้อที่กำหนดเท่านั้น ผู้เข้ารับการดีท็อกซ์จำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่รับประทานอาหารอื่นๆ นอกเหนือจากน้ำผักผลไม้ เพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์สูงสุด
รูปต้นฉบับ ©pixabay.com
เมื่อวิธีการล้างพิษดังกล่าวบังคับให้ผู้ปฏิบัติไม่ทานอาหารอื่นใดนอกเหนือจากน้ำผักผลไม้ตามคอร์ส จึงเป็นเรื่องปกติมากที่น้ำหนักจะลดลงฮวบฮาบอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายได้รับแคลอรี่ในแต่ละวันต่ำมาก ดังที่ผู้ควบคุมน้ำหนักหลายคนทราบกันดีนั่นแหละว่า การจำกัดอาหารแบบปัจจุบันทันด่วนนั้น ส่งผลให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน กลายเป็นว่าการอดอาหารที่ทุกคนเข้าใจว่าทำให้ผอมไว กลายเป็นการไปกระตุ้นความอยากอาหาร เพิ่มระดับฮอร์โมน ทำให้รู้สึกโหยอาหารมากขึ้นแทน หลังจากหมดคอร์สดีท็อกซ์แล้ว มีเปอร์เซ็นต์สูงมากว่าน้ำหนักจะพุ่งพรวดกลับมา เกิดการโยโย่ยิ่งกว่าเดิม
3.Juice Cleanse มีประโยชน์หรือให้โทษกันแน่?
การรับประทานผักผลไม้ย่อมดีกับร่างกายอยู่แล้ว เนื่องจากผักและผลไม้ประกอบด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ความจริงแล้ว ปริมาณผักผลไม้ที่แนะนำให้รับประทาน คือ 400 กรัม/วัน แต่กิจวัตรประจำวันที่เร่งรีบทำให้หลายๆ คนไม่สะดวกเลือกสรรผักผลไม้ให้ตรงตามความต้องการของร่างกาย น้ำผักผลไม้จึงเข้ามามีบทบาทในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีมากขึ้น
Advertisements
รูปต้นฉบับ ©pixabay.com
แม้ว่าน้ำผลไม้จะมีปริมาณใยอาหารที่ช่วยเรื่องการขับถ่ายน้อยกว่าผลไม้สด แต่ก็ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับคุณค่าทางอาหารจากผักผลไม้อยู่บ้าง ไม่ถึงกับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยเสียทีเดียว แต่ก็ยังยืนยันว่า การรับประทานผักผลไม้สดมีประโยชน์กว่าการรับประทานน้ำผักผลไม้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม การรับประทานผักผลไม้มากเกินก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ ดังจะกล่าวในลำดับถัดไป
4.Juice Cleanse ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
สภาโภชนาการและอาหาร (The Academy of Nutrition and Dietetics) เตือนว่า การดื่มแต่น้ำผักผลไม้เพียงอย่างเดียวส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณแน่นอน ดังนี้
- น้ำผักผลไม้ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้จริงอยู่ แต่การขับถ่ายที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุบางอย่างไปด้วยเช่นกัน
- น้ำผักผลไม้มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุสูง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ร่างกายควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม มิควรรับปริมาณมากเกินความจำเป็น อาจก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจได้
- น้ำผักผลไม้มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสูตรที่เน้นสกัดน้ำผลไม้เป็นหลัก การควบคุมระดับน้ำตาลอาจทำได้ยาก การดื่มน้ำผักผลไม้เยอะๆ จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามมา
- น้ำผักผลไม้มีปริมาณโปรตีนและพลังงานต่ำมาก หากดีท็อกซ์ด้วยการดื่มน้ำผักผลไม้หลายๆ วันติดต่อกัน เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร อาจทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้
รูปต้นฉบับ ©pixabay.com
ข้อควรรู้อีกประการก็คือ ร่างกายของคนเรามีกระบวนการขับถ่ายของเสียเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่มีหลักการใดสนับสนุนว่าการดื่มแต่น้ำผักผลไม้ตลอดทั้งวัน โดยไม่รับประทานอาหารอื่นๆ จะสามารถขับสารพิษตกค้างภายในร่างกายได้หมดจด อีกทั้งระบบย่อยอาหารของคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชำรุดถึงขั้นย่อยอาหารแข็งไม่ได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่คนเราจะต้องหยุดพักกระเพาะด้วยการงดกินอาหาร แล้วหันไปดื่มแค่น้ำผลไม้แทน
ข้อควรทำที่ดีที่สุดก็คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แหล่งที่มา ©medicalnewstoday.com
รูปต้นฉบับ©pixabay.com
Advertisements