ปัญหาสุขภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคติดต่อไม่เรื้อรังส่วนใหญ่ มักมีสาเหตุมาจากไลฟ์สไตล์บริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง UndubZapp จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมทำแบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร หวาน มัน เค็ม (Eat Test) เช็กนิสัยการกินที่ไม่เหมาะสม ทุกคนจะได้ทราบแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวาน
ตอบตามความเป็นจริงว่าคุณทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยเพียงใด
1.กินขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน เบเกอรี่ หรือไอศกรีม
2.ดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือ นมเปรี้ยว
3.ดื่มกาแฟ 3 in 1 กาแฟเย็น กาแฟปั่น โกโก้ปั่น ชานม หรือชาใส่น้ำตาล
4.ดื่มน้ำผักผลไม้สำเร็จรูป
5.เติมน้ำตาล น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้ง เพิ่มลงในอาหาร
📝 การแปลผล
- ถ้าคุณตอบ ก. ทุกวัน หรือ เกือบทุกวัน = 3 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ข. 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ = 2 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ค. แทบไม่ทำ หรือ ไม่ทำเลย = 1 คะแนน
📋 คะแนนรวม
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสหวานในปริมาณที่พอเหมาะ
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกิน
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 6 – 9 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสหวานในปริมาณที่ค่อนข้างสูง
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงปานกลางต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกิน
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 10- 13 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสหวานในปริมาณสูงเกือบทุกวัน
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกิน
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมมากกว่า 14-15 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสหวานในปริมาณสูงมาก
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกิน
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารมัน
ตอบตามความเป็นจริงว่าคุณทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยเพียงใด
1.กินอาหารทอด อาหารผัด อาหารฟาสต์ฟู้ด
2.กินอาหารจานเดียวไขมันสูง หรืออาหารประเภทแกงกะทิ
3.กินเนื้อสัตว์ติดมัน ติดหนัง มีไขมันแทรก
4.ซดน้ำแกง ราดน้ำแกงหรือน้ำผัดลงในข้าว
5.ดื่มเครื่องดื่มที่ใส่ครีมเทียม นมข้นหวาน วิปปิ้งครีม
📝 การแปลผล
- ถ้าคุณตอบ ก. ทุกวัน หรือ เกือบทุกวัน = 3 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ข. 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ = 2 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ค. แทบไม่ทำ หรือ ไม่ทำเลย = 1 คะแนน
📋 คะแนนรวม
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารมันในปริมาณที่พอเหมาะ
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่ำต่อการได้รับผลเสียจากการบริโภคไขมันไม่เหมาะสม
Advertisements
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 6 – 9 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารมันในปริมาณที่ค่อนข้างสูง
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงปานกลางต่อได้รับผลเสียจากการบริโภคไขมันไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 10- 13 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารมันในปริมาณสูงเกือบทุกวัน
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับผลเสียจากการบริโภคไขมันไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคน้ำมันไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมมากกว่า 14-15 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารมันในปริมาณสูงมาก
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงมากต่อการได้รับผลเสียจากการบริโภคไขมันไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ควรเฝ้าระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่เสมอ
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคน้ำมันไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารเค็ม
ตอบตามความเป็นจริงว่าคุณทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยเพียงใด
1.กินเนื้อสัตว์แปรรูป ไส้กรอก บาโลน่า แฮม หมูยอ ปลาเค็ม ปลาร้า กุ้งแห้ง
2.กินบะหมี่สำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป อาหารเวฟ อาหารกล่องแช่แข็ง
3.กินผักผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม จิ้มน้ำปลาหวานหรือพริกเกลือ
4.ใส่น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอส หรือปรุงรสอาหารเพิ่มเติมเป็นประจำ
5.ไม่ได้ใช้สมุนไพรหรือเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบอาหารแทนเครื่องปรุง
📝 การแปลผล
- ถ้าคุณตอบ ก. ทุกวัน หรือ เกือบทุกวัน = 3 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ข. 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ = 2 คะแนน
- ถ้าคุณตอบ ค. แทบไม่ทำ หรือ ไม่ทำเลย = 1 คะแนน
📋 คะแนนรวม
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสเค็มในปริมาณที่พอเหมาะ
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 6 – 9 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสเค็มในปริมาณที่ค่อนข้างสูง
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงปานกลางต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคโซเดียมเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา หรือไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมระหว่าง 10- 13 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสเค็มในปริมาณสูงเกือบทุกวัน
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคโซเดียมเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา หรือไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
แนะนำให้ลดความถี่ในการกินอาหารแปรรูป เน้นกินอาหารสดใหม่ ปรุงรสอาหารให้น้อยลง
-
ถ้าคุณได้คะแนนรวมมากกว่า 14-15 คะแนน
แปลว่า คุณบริโภคอาหารรสเค็มในปริมาณสูงมาก
พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคโซเดียมเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา หรือไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
แนะนำให้ลดความถี่ในการกินอาหารแปรรูป เน้นกินอาหารสดใหม่ ปรุงรสอาหารให้น้อยลง
หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
–
อย่างไรก็ดี แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร หวาน มัน เค็ม (Eat Test) นี้ เป็นเพียงการประเมินพฤติกรรมขั้นต้น เพื่อให้ทุกคนตรวจสอบแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารประจำวันพอสังเขป ทุกคนจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้เหมาะสม มิใช่การวินิจฉัยโรคอย่างแท้จริง หากต้องการตรวจสุขภาพอย่างแม่นยำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
©Resource : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
©Feature image : Pexels, Unsplah
Advertisements