ลดความเครียดได้แค่ใช้เวลา 20 นาที นักวิจัยเผยผลวิจัย การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ วันละ 20 นาที ความเครียดลดลงอย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นวันๆ
จากการขยายและเติบโตของเมือง และวิถีชีวิตคนเมืองที่อยู่แต่ในอาคาร การทำงานต่อเนื่องและยาวนาน การใช้งานอินเตอร์เนตและโซเชียลมีเดียตลอดเวลา ส่งผลให้เราตอบสนองกับสิ่งที่ส่งมาพร้อมโซเชียลมีเดียตลอดเวลา เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย ความอยากได้ ความคาดหวัง ความผิดหวังเสียใจ จนกลายเป็นความเครียดสะสม ซึมเศร้า หรือภาวะ burn-out ไปในที่สุด
© รูปต้นฉบับ: pexels.com
นั่นเป็นผลมาจากการที่คนเราหมกตัวอยู่กับความวุ่นวาย เสพติดโซเชียล จนเรา “ห่างธรรมชาติ” ออกไปทุกที จึงเกิดความคิดที่ว่าถ้าเช่นนั้นก็ให้ธรรมชาติบำบัด และกลายเป็นที่มาของไอเดียที่ว่า “แค่ออกไปเดินเล่นหรือนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติอย่างน้อย วันละ 20 นาทีก็ช่วยให้ความเครียดลดลงได้แล้ว” แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดคะเนเวลาว่า “20 นาทีเป็นอย่างน้อย” แต่เรายังไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจน ว่านานแค่ไหนที่ความเครียดจะลดลง…?
สรุปแบบสั้นๆ สำหรับคนไม่ชอบอ่านยาวๆ
- นักวิจัยค้นพบ การใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติแค่ 20 นาทีต่อวัน ก็มากพอที่ความเครียดลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ
- สถานที่หรือรูปแบบการออกไปสัมผัส ดื่มด่ำธรรมชาติ ไม่ได้มีผลโดยตรงกับการลดระดับความเครียด
- การใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินานเกินกว่า 30 นาที ระดับความเครียดจะเริ่มลดลงในระดับที่ช้าลงเรื่อยๆ
การดื่มด่ำกับธรรมชาติกับฮอร์โมนแห่งความเครียด
งานวิจัยของ Dr. MaryCarol Hunter ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน และหัวหน้าทีมวิจัยเรื่องนี้ได้ค้นพบระยะเวลาที่แน่ชัดในการดื่มด่ำกับธรรมชาติมีผลต่อลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
© รูปต้นฉบับ: unsplash.com
“เรารู้แค่เพียงว่าการใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติหรือดื่มดำไปกับเสียงนกเสียงธรรมชาติ ช่วยลดความเครียดได้ แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ชัดเจนว่า แล้วต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ ต้องออกไปสัมผัสธรรมชาติบ่อยแค่ไหน หรือการสัมผัสธรรมชาติรูปแบบใดกันแน่ที่เห็นผลดีกับเรา แต่จากการศึกษาของเราครั้งนี้ ทำให้เราพบว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดลดลงอย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อเรานั่งหรือเดินเล่นอยู่ในสถานที่ที่เราจะสัมผัสกับธรรมชาติได้ประมาณ 20-30 นาที” Dr. MaryCarol Hunter กล่าว
การทดสอบจากกลุ่มตัวอย่าง
การทดสอบจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 36 คน โดยกำหนดให้กลุ่มตัวอย่างแต่ละคน ใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติครั้งละ 10 นาทีหรือมากกว่านั้น อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยที่กลุ่มตัวอย่างสามารถเลือกช่วงเวลา ระยะเวลา และสถานที่ที่ไหนก็ได้ที่กลุ่มตัวอย่างรู้สึกได้ถึงธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน พื้นที่สีเขียวใกล้ที่ทำงาน สวนสาธารณะที่มีต้นไม้ หรือป่าธรรมชาติ
© รูปต้นฉบับ: unsplash.com
Advertisements
ซึ่งในระหว่างทำการทดสอบจะมีการควบคุมปัจจัยต่างที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดได้ เช่น สถานที่ที่เลือกจะต้องสว่างจากแสงธรรมชาติ งดการออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการใช้โซเชียลมีเดีย อินเตอร์เนต โทรศัพท์มือถือ การพูดคุยหรือการอ่านหนังสือ และมีการตรวจและเก็บข้อมูลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจากตัวอย่างน้ำลายของกลุ่มตัวอย่าง ทั้งก่อนและหลังการออกไปสัมผัสหรือดื่มด่ำธรรมชาติทุกๆ 2 สัปดาห์
บทสรุปการทดสอบ
ตลอด 8 สัปดาห์ ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่ทีมวิจัยฯ เก็บรวบรวมไว้ได้เปิดเผยความจริงที่ว่า การออกไปสัมผัสหรือดื่มด่ำกับธรรมชาติแค่ 20 นาทีก็มากพอที่จะสังเกตได้ว่าระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลของกลุ่มตัวอย่างลดลงอย่างชัดเจน และหากกลุ่มตัวอย่างใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเพิ่ม เป็น 30 นาที การลดลงของฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่หลังจาก 30 นาทีไปแล้วการลดลงของฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลงในระดับที่ช้าลง
© รูปต้นฉบับ: unsplash.com
จากผลวิจัย เราพอจะสรุปได้ว่า การใช้ธรรมชาติบำบัด ลดความเครียดไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หรือจะต้องเป็นการธรรมชาติบำบัดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้นถึงจะลดระดับความเครียดได้ ปัจจัยสำคัญคือ การเลือกสถานที่ที่คิดว่าตัวเราได้สัมผัส หรือเข้าถึงธรรมชาติ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การใช้โทรศัพท์มือถือ การเล่นโซเชียลมีเดีย การเล่นอินเตอร์เนต หรือแม้แต่การพูดคุยหรืออ่านหนังสือ ฯลฯ
คนเมืองจะไปดื่มด่ำธรรมชาติได้อย่างไร?
คำถามต่อไป…แล้วคนเมืองอยู่ป่าคอนกรีตอย่างเราๆ จะไปดื่มด่ำธรรมชาติที่ไหน???
ด้วยวิถีคนเมืองปัจจุบัน ธรรมชาติอาจไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเท่าไหร่นัก ส่วนการใช้เวลาอยู่ข้างนอกบ้านในแบบวิถีคนเมืองก็คงไม่พ้นเดินห้าง เช็คอินร้านชานมไข่มุก จะให้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งให้มากขึ้น ก็ดูจะเสี่ยงกับมลพิษ เสี่ยงอันตรายบนท้องถนน จะเลียนแบบฝรั่งที่ออกเดินป่ากันทุกสัปดาห์ก็คงจะลำบากเกินไป เพราะฉะนั้นเอาแค่พอดี พอดีกับชีวิตความเป็นอยู่ของเรา แค่แบ่งเวลาบางช่วงเวลา วางโทรศัพท์มือถือบ้าง แล้วให้เวลาได้อยู่กับธรรมชาติบ้าง เช่น
- ในแต่ละวัน ลองแบ่งเวลาสัก 20 นาที หามุมสงบ ฟังเสียงนก เสียงน้ำตก น้ำไหลใกล้ๆ ที่ทำงานหรือใกล้บ้าน
- หาเวลาสักชั่วโมง ไปนั่งเล่น เดินเล่นในสวนสาธารณะ ร่มรื่นๆ สัปดาห์ละครั้ง
- หาที่เที่ยว เดินเล่นริมแม่น้ำ หรือเดินเท้าเปล่าชายหาดใกล้ๆ กรุงเทพฯ เดือนละครั้ง
- หาวันลาพักร้อน ปีละ 2-3 วัน ไปนอนเล่น นับดาว สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ ตามสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามต่างจังหวัดบ้าง
© รูปต้นฉบับ: unsplash.com
ยิ่งเรามีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ข้างนอกบ้าน อยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้มากขึ้น เราก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงกับตัวเอง เคยสังเกตตัวเองมั้ยว่า เวลาไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แค่ตลาดน้ำหรือสวนสาธารณะ นั่งรับลมตอนเย็นๆ ฟังเสียงนกเสียงไม้ เราจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะฉะนั้น เราอาจไม่จำเป็นต้องโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง หรือเดินเข้าป่าหายตัวไปเป็นวันๆ เพื่อให้จิตใจเราได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แค่จัดสรรเวลา ให้ตัวเองได้สัมผัสกับธรรมชาติเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ก็ถือว่ากำไรชีวิตแล้ว
© source health.harvard.edu , frontiersin.org , Nicetofit.com
© feature image unsplash.com
Advertisements