ในระยะหลังนี้ คำว่า Gen หรือ Generation นั้น เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นในหลายวงการ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะช่วงอายุที่แตกต่างกัน ก็มักจะทำให้ความคิด ค่านิยม ลักษณะนิสัย และพฤติกรรมต่างๆ แตกต่างกันไปด้วย และแน่นอนว่าความต่างนี้อาจนำมาซึ่งปัญหาด้านการทำงานได้ เพราะในแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้น อาจมีช่วงอายุที่ห่างกันถึง 10 – 20 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ทัศนคติและพฤติกรรมของแต่ละ Gen จะแตกต่างกันขนาดไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ค่ะ ลองมาดู 5 อันดับเคล็ดลับการละลายพฤติกรรมที่จะช่วยให้แต่ละ Gen ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกันดีกว่า เพราะไม่ว่า Gen ไหน ขอแค่มีเทคนิคของ UndubZapp รับรองเป็นทีมเวิร์คได้แน่นอนค่ะ
5. โยนทิ้งอคติ
แม้ว่าตามทฤษฎีแล้ว แต่ละเจนเนอเรชั่นจะถูกแบ่งเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยปี พ.ศ.เกิด ตั้งแต่ Baby Boomer มาจนถึง Gen Z และยังมี Gen ต่อๆไปสำหรับเด็กที่เกิดมาใหม่ แน่นอนว่า แต่ละ Gen นั้นก็ย่อมมีเอกลักษณะและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็อาจนำมาซึ่งอคติ เช่น เด็กรุ่นใหม่อาจมองว่าคนรุ่นเก่าล้าสมัย ขาดสกิลด้านเทคโนโลยี ในขณะที่ผู้ใหญ่ก็อาจมองว่าเด็กรุ่นใหม่ไร้ความอดทน และขาดความรอบคอบ ซึ่งความจริงแล้ว หากเราละทิ้งอคติและค้นหาข้อดีของอีกฝ่าย นอกจากจะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นแล้ว การใช้จุดแข็งของแต่ละ Gen ในการทำงานจะยิ่งผลักดันให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัวทีเดียว
4. เพิ่มความยืดหยุ่นในวิธีการ
คนในแต่ละ Gen ที่เติบโตมาในยุคที่แตกต่างกัน ย่อมมีการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไปด้วย ซึ่งในจุดนี้ ต้องยอมรับว่า การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานนั้นมีประโยชน์อย่างมาก และถึงแม้คนรุ่นเก่าจะรู้สึกไม่ถนัดที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ก็ไม่ควรปิดกั้นด้านวิธีการ เพราะการปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ได้ใช้เทคโนโลยีในการทำงานอย่างเต็มที่นั้น อาจนำมาซึ่งผลลัพท์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่คน Gen ใหม่ก็ไม่ควรดูถูกคนรุ่นเก่าที่ยังใช้เทคโนโลยีแบบเดิม เพราะอย่าลืมว่า คนรุ่นเก๋าเหล่านี้มีความละเอียดรอบคอบสูง โดยเฉพาะในเรื่องข้อมูลนั้น รับรองว่าเป๊ะไม่แพ้กันแน่นอนค่ะ
3. สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
การสื่อสารนั้นถือเป็นเครื่องมืออันดับ 3 ที่จะช่วยเชื่อมโยงคนแต่ละ Gen ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นด้านคำพูด อีเมล หรือบันทึกต่างๆ นั้น จำเป็นจะต้องใช้คำพูดที่ชัดเจน ตรงประเด็น เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ซึ่ง คนในรุ่น Gen เก่านั้น มักใช้คำพูดที่เป็นทางการ ขณะที่คน Gen ใหม่มักใช้จำพูดที่สั้นและดูกระชับ ดังนั้น นอกจากจะต้องฟังหรืออ่านให้อย่างละเอียดแล้ว ยังต้องมีการรีเช็กข้อมูลกันอีกครั้งเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและป้องกันความผิดพลาดในภายหลังที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ค่ะ
Advertisements
2. เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคอันดับ 2 ที่สามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์ เพราะความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากมีการแชร์ซึ่งกันและกัน โดยบุคลากรในรุ่น Baby Boomers มักจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของข้อมูล ความรู้ที่แน่นปึ๊ก รวมทั้งศิลปะในการสื่อสารซึ่งสามารถส่งต่อความสกิลเหล่านี้ให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ขณะที่ที่คน Gen Y ก็มักจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมทั้งมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ซึ่งสามารถแชร์ความรู้และวิธีการเหล่านี้ให้คนรุ่นเก่าได้เช่นกัน โดยต้องบอกเลยว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จในเรื่อง Knowledge Sharing ได้นั้น จะกลายเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียวค่ะ
1. เคารพซึ่งกันและกัน
เรียกได้ว่าเป็นกฎอันดับหนึ่งของสังคม เพราะไม่ว่าจะเป็น Gen ไหน หากไม่เคารพซึ่งกันและกันแล้ว ก็ยากที่จะอยู่ร่วมกันได้ โดยคนรุ่นใหม่นั้น ควรเคารพรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า ในขณะเดียวกันคนรุ่นเก่าก็ต้องเคารพในความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่แม้จะมีมุมมองและสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันออกไป จึงจะทำให้บรรยากาศของการทำงานเข้าสู่กระบวนการแห่งการเรียนรู้ โดยการเคารพซึ่งกันและกันนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญอันดับ 1 ที่จะสามารถเชื่อมโยงความแตกต่าง นำไปสู่ความเข้าใจ และการพัฒนาต่อไปได้ค่ะ
Advertisements