กินอย่างไรไม่ให้อ้วน! จัดอันดับแคลอรี่มะม่วง พันธุ์ไหนแคลฯน้อยที่สุด

ประโยชน์ของมะม่วง คืออะไรบ้าง?

ก่อนที่ทุกท่านจะไปดูแคลอรี่ของมะม่วงแต่ละชนิดนั้น เราขอคั่นเวลาสักนิดด้วยการแนะนำให้รู้จักกับ 10 ประโยชน์ของมะม่วง เพื่อเพิ่มพูนความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสรรพคุณและข้อดีของมะม่วง ผลไม้เมืองร้อนที่กำลังฮอตฮิตตามท้องตลาดอยู่ในขณะนี้ค่ะ

1.ลดภาวะการอักเสบ

มะม่วงอุดมไปด้วย โพลิฟีนอล (Polyphynols) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดภาวะการอักเสบต่างๆ ภายในร่างกายได้ดี และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง (NCDs ; Non-Communicable Diseases) ได้อีกด้วย

2.เสริมการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน

มีหลักฐานทางการแพทย์กล่าวว่า มะม่วงทั้งแบบสดและแบบตากแห้ง เป็นแหล่งของโปรวิตามิน เอ (Provitamin A) ซึ่งวิตามิน เอ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรา ช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยให้หายไวขึ้น

3.ชะลอความแก่

นอกจากจะเปี่ยมไปด้วยวิตามิน เอแล้ว มะม่วงยังมีวิตามิน ซีสูง ซึ่งช่วยชะลอความแก่ สร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้เป็นอย่างดี แถมยังลดเลือนจุดด่างดำให้จางลงอย่างเห็นได้ชัด

4.บำรุงกระเพาะอาหาร

งานวิจัยสมัยใหม่พบว่า แมงจิเฟอริน (Magiferin) ที่พบได้ในทุกๆ ส่วนของมะม่วง มีสรรพคุณในการบำรุงกระเพาะอาหาร ป้องกันผนังกระเพาะไม่ให้ถูกทำลายจากแอลกอฮอล์ การกินมะม่วงจึงช่วยให้โรคกระเพาะของผู้ที่มีกรดในกระเพาะอาหารมากดีขึ้น

5.กระตุ้นระบบขับถ่าย

มะม่วงนับว่าเป็นผลไม้ที่ใช้เป็นยาระบายได้ดีชนิดหนึ่ง เหตุก็เพราะมะม่วงมีกากใยอาหารสูง ซึ่งดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยขจัดของเสียสะสมในร่างกาย บรรเทาอาการท้องลั่นท้องลม ที่สำคัญคือ แก้ปัญหาท้องผูกท้องเสียได้ดียิ่งกว่าการใช้อาหารเสริมเสียอีก

6.บรรเทาอาการลำไส้อักเสบ

ผลจากการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) และ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในมะม่วง มีคุณสมบัติบรรเทาและรักษาโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งเกิดจากการที่ระบบภูมิต้านทานตอบสนองไวเกินไป ช่วยให้อาการอักเสบและท้องเสียลดลง

7.ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน

ผลมะม่วงดิบมีปริมาณวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินชนิดนี้เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการกินเข้าไป แล้วจะช่วยป้องกันและบรรเทาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ เพราะการขาดวิตามินซีทำให้เลือดออกตามไรฟันนั่นเอง

8.บำรุงกระดูก

ในมะม่วงมีแมกนีเซียม (Magnesium) แร่ธาตุจำเป็นสำหรับร่างกายอีกชนิด เป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างกระดูกในร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลแคลเซียมภายในกระดูกและเลือด และยังช่วยต่อต้านอาการซึมเศร้าได้อีกต่างหาก

9.ช่วยให้หัวใจเต้นเป็นปกติ

จากการศึกษาพบว่า มะม่วงมีโพแทสเซียม (Potassium) ซึ่งเป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องการยืด-หดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ ลดความดันโลหิต โพแทสเซียมยังมีบทบาทในการรักษาภูมิแพ้ให้ทุเลาลง

10.แก้กระหายน้ำ

สำหรับช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว ทำให้กระหายน้ำอยู่บ่อยๆ การกินมะม่วงจะช่วยดับกระหายน้ำได้ดี เพราะภายในมะม่วงมีน้ำจำนวนมาก ทำให้รู้สึกชุ่มคอ บรรเทาคอแห้ง แก้ร้อนใน นอกจากนี้ มะม่วงยังมีน้ำตาลฟรักโทสที่ทำให้รู้สึกชื่นใจหายเหนื่อย

มะม่วงพันธุ์ไหน แคลอรี่น้อยที่สุด?

ถ้าท่านกำลังสงสัยว่า มะม่วง 1 ลูก แคลอรี่เท่าไหร่ เนื่องจากเกรงว่าหน้าร้อนนี้อาจเผลอกินมะม่วงมากเกินไป เพราะความเอร็ดอร่อยของมะม่วงแล้วล่ะก็ เชิญตามเรามาส่องโพยแคลอรี่มะม่วง ตรวจสอบว่ามะม่วงพันธุ์ไหนกินแล้วไม่อ้วนบ้างได้เลยค่ะ

มะม่วง แคลอรี่น้อย อันดับ 5 🥭 มะม่วงเขียวเสวยดิบ

มะม่วงเขียวเสวยดิบ 1 ลูก (ปริมาณ 100 กรัม) ให้พลังงาน 87 kcal

มะม่วง แคลอรี่น้อย อันดับ 4 🥭 มะม่วงเขียวเสวยสุก

มะม่วงเขียวเสวยสุก 1 ลูก (ปริมาณ 100 กรัม) ให้พลังงาน 82 kcal

มะม่วง แคลอรี่น้อย อันดับ 3 🥭 มะม่วงอกร่องสุก

มะม่วงอกร่องสุก 1 ลูก (ปริมาณ 100 กรัม) ให้พลังงาน 79 kcal

มะม่วง แคลอรี่น้อย อันดับ 2 🥭 มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1 ลูก (ปริมาณ 100 กรัม) ให้พลังงาน 79 kcal

มะม่วง แคลอรี่น้อย อันดับ 1 🥭 มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ

มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ 1 ลูก (ประมาณ 100 กรัม) ให้พลังงาน 60 kcal

เมนูมะม่วงยอดฮิตให้พลังงานเท่าไหร่?

• ข้าวเหนียวมะม่วง 1 จาน (ปริมาณ 266 กรัม) ให้พลังงาน 493 kcal
• ไอศกรีมมะม่วง 1 ถ้วย (ปริมาณ 196 กรัม) ให้พลังงาน 230 kcal
• มะม่วงตากแห้ง 5 ชิ้น (ปริมาณ 52 กรัม) ให้พลังงาน 167 kcal
• มะม่วงน้ำปลาหวาน 1 จาน (ปริมาณมะม่วง 100 กรัม/น้ำปลาหวาน 20 กรัม) ให้พลังงาน 140 kcal
• น้ำมะม่วงปั่น 1 แก้ว (ปริมาณ 202 กรัม) ให้พลังงาน 120 kcal

©Featured image : freepik

©รูปต้นฉบับ : freepik, pixabay