พี่น้องพ้องเพื่อนชาวเฟิร์สจ็อบเบอร์ (First jobber) ทั้งหลายที่กำลังหายุทธวิธีเซอร์ไววัลในสังคมทำงาน ขอเชิญทางนี้เลยค่ะ!! วันนี้ UndubZapp ขออาสาพาเพื่อนๆ ที่กำลังจะเริ่มเข้าสังคมทำงาน รวมถึงเพื่อนๆ ที่กำลังเผชิญมรสุมชีวิตจากสังคมออฟฟิศ มาเรียนรู้เทคนิคอยู่เป็นในสังคมออฟฟิศ ฉบับ back to basic กันค่ะ
1.ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
เชื่อว่ามีหลายครั้งเลยล่ะที่หลายๆ คนตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และแอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเราคิด พูด หรือกระทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นด้วยกับวิธีการของเราทั้งนั้น หารู้ไม่ว่า ความคิดเช่นนี้นี่ล่ะที่จะทำให้อยู่ยากในสังคมทำงาน
ถ้ามองภาพรวมมุมใหญ่ในภาพของสังคมออฟฟิศ จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเราจะทำงานในระดับใด ถึงยังไงตัวเราก็เป็นแค่ตัวประกอบคนหนึ่งในฉาก เพราะลำพังตัวเราเพียงคงเดียวคงมิอาจนำพาบริษัทไปสู่จุดหมายปลายทางได้ ในบริบทของการทำงาน บริษัทจึงต้องการตัวประกอบหลายๆ คนมาประกอบเข้าด้วยกัน เหมือนกับฟันเฟืองของเครื่องจักร ทุกคนในบริษัทจำต้องมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป และใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ควรขัดขวางการทำงานอีกคน เพื่อให้ฟันเฟืองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้ง mind set ว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะต้องคิดแบบเรา ทำแบบเรา หรือเข้าใจในตัวเราเสมอๆ เป็นชุดความคิดที่ออกจะปิดกั้นการทำงานของฟันเฟืองตัวอื่นๆ ไปสักหน่อย ทางที่ดีคือไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล โฟกัสเรื่องการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ ฝึกฝนที่จะเป็นผู้นำและผู้ตามในขณะเดียวกัน หากว่าเราสามารถวางตัวได้เช่นนี้ เราจะมีเรื่องเครียดน้อยลงมาก
2.พูดให้น้อย แต่ต้องต่อยให้หนักๆ
สำนวน “พูดน้อยต่อยหนัก” เป็นสำนวนที่ใช้สื่อความหมายถึง คนที่เน้นการลงมือทำให้เห็นมากกว่าการพูดลอยๆ หรือที่หลายๆ คนชอบโควทกันว่า “Actions speak louder than words” หรือ “ของจริงไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ” อะไรเทือกนั้นนั่นล่ะ
จริงอยู่ว่าการบอกให้คนอื่นรู้โลกรู้ว่าตัวเรามีดีอย่างไร ทำงานอะไรได้มากแค่ไหน อาจช่วยให้เราได้ใบเบิกทางไปสู่ประตูบานใหม่ได้เหมือนกัน แต่การอวดตัว ออกตัวแรง หรือพูดจาเอาดีเข้าตัว ก็อาจจะทำให้เราสูญเสียโอกาสได้ในขณะเดียวกัน
Advertisements
ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหวง่าย พยายาม keep low profile หรือ วางตัวเป็นจุดเด่นให้น้อยที่สุดจะเข้าทีกว่า เน้นพูดให้น้อยและต่อยให้หนักเข้าไว้ หมายความว่า ควรแสดงความคิดเห็นและแสดงความสามารถตามวาระสมควร เพราะสิ่งที่บริษัทให้ความสนใจมากที่สุดไม่ใช่คำพูดวางก้ามว่าเราทำอะไรได้ดีแค่ไหน แต่เป็นผลงานดีๆ ที่เราสร้างให้บริษัทได้ประจักษ์ต่างหาก
3.ทําทุกอย่างให้ดีที่สุด
การทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ ถือเป็นหลักฐานชั้นดีที่ช่วยให้บริษัทมองเห็นว่า เราเหมาะสมแก่ตำแหน่งนี้อย่างไร ความสามารถของเราควรค่ากับเงินเดือนที่ได้รับมากแค่ไหน การจ้างงานเราเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมหรือเปล่า
การทำงานแลกเงินเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ถ้าทำงานไม่ดี ก็มีสิทธิถูกเชิญออก ถ้าทำงานไม่ได้ตามมาตรฐานที่บริษัทวางไว้ ก็มีโอกาสจะถูกเรียกตักเตือนสูง แต่บางครั้งบางทีการที่เราทำงานเดิมๆ นานๆ เข้า ความคุ้นชินจากการทำงานก็อาจทำให้เราลืมจุดมุ่งหมายในการทำงาน คิดแต่ว่าทำงานไปแบบแกนๆ จึงลืมโฟกัสการทำทุกอย่างให้ดีที่สุดไป
แล้วการทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสำคัญอย่างไร ในเมื่อแค่ทำงานให้เสร็จก็ได้เงินเหมือนกัน? คำตอบของคำถามนี้ ต้องขออ้างอิงคำพูดที่ว่า “ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน” สักหน่อย เพราะงานคือสิ่งที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเรา ไม่ใช่แค่สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบอย่างเดียวเท่านั้น
การที่เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด มุ่งมั่นให้ผลงานออกมาดีอยู่เสมอ จึงเปรียบเสมือนการสร้าง value ให้กับตัวเราเอง เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เราจะเริ่มเกิดความรักและภาคภูมิใจในตนเองกับงานที่ทำ เมื่อนั้นจิตใจของเราก็จะเข้มแข็ง ทำให้พร้อมประมือกับทุกปัญหาที่เข้ามา และทำให้เราเซอร์ไววัลในสังคมทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Advertisements