ขึ้นชื่อว่าอยู่กับคนหมู่มากแล้วไม่ว่าที่ไหนก็สามารถเกิดปัญหาได้ทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าที่แห่งนั้นคือ “ออฟฟิศ” บอกได้เลยว่าปัญหาจะยิ่งดราม่าเพิ่มขึ้นไปอีก จนเหมือนกับสงครามย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ UndubZapp เข้าใจทุกคนเลยจัดวิธีเอาตัวรอดในสงครามออฟฟิศมาฝากกัน ชนิดที่คุณจะลอยตัวเหนือทุกปัญหากันไปเลย
1. จำไว้ว่าคุณมีทางเลือกเสมอ
ในทุก ๆ สถานการณ์ให้คุณจำไว้เสมอว่า ไม่จำเป็นต้องสู้จนตัวตาย หากดูท่าแล้วไม่น่าไหวให้ลองถอยออกมาสักก้าว คุณอาจจะเคยได้ยินว่าสัญชาตญาณของมนุษย์ในการเอาตัวรอดนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ Fight or Flight คือสู้หรือถอยหนี ในที่นี่เราขอเรียกว่าถอยไปตั้งหลัก! เมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามเริ่มขึ้น หากดูทรงแล้วการเข้าไปอยู่ในสมรภูมินั้นมีแต่ตายกับตาย เสียกับเสีย ให้คุณออกมา คุณจะเห็นรายละเอียดชัดขึ้น เห็นทางหนีทีไล่มากขึ้น เมื่อสงครามจบลงคุณจะมีข้อมูลในการเอาตัวรอดจากข้อขัดแย้ง หรือไม่อย่างน้อยคุณก็พูดได้ว่า “คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหานั้น”
2. รู้ไว้เสมอว่าอะไรคือเป้าหมาย
เวลาที่ความขัดแย้งในเรื่องงานเกิดขึ้นมันง่ายมากที่จะเพิ่มระดับไปเป็นสงคราม และง่ายมากที่จะทำให้คุณหลุดโฟกัสไปจากสิ่งที่เป็นเป้าหมายในตอนแรก เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกอินไปกับสงครามตรงหน้าและอยากจะเอาชนะจนลืมเป้าหมายเดิมของการทำงาน เมื่อนั้นคือคุณกำลังจะเอาตัวเองไปผูกกับปัญหาจนมากเกินไป ให้คุณคิดไว้เสมอว่าอะไรคือเป้าหมายของการทำงานและโฟกัสอยู่ที่เป้าหมายนั้น หลังจากที่สงครามสงบลง จะไม่มีใครแตะคุณได้เพราะทุกสิ่งที่คุณล้วนโฟกัสอยู่ที่เป้าหมายของงานที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรกทั้งสิ้น
3. อย่าออกตัวแรงกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เหมือนกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ทางสายกลางดีที่สุด” การไม่เลือกข้างก็ดีที่สุดเช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงการปะทะด้วยการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คุณสามารถเลี่ยงความขัดแย้งได้ด้วยการวางตัวเป็นกลาง อยู่กับเหตุและผล อยู่กับความเป็นจริง และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อสงครามจบลงก็จะไม่มีใครสามารถดึงคุณเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ต้องรับผลกระทบได้
Advertisements
4. อย่าเอามาเป็นเรื่องส่วนตัว
มันเป็นไปได้ยากที่คุณจะหลบเลี่ยงความขัดแย้งและสงครามที่เกิดขึ้นในออฟฟิศไปได้ตลอด เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้คุณจำไว้เสมอว่าอย่าเอาความขัดแย้งนั้นมารวมกับเรื่องส่วนตัว ให้โฟกัสสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานให้มากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเรื่องจบลงสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบอย่างร้ายที่สุดก็จะมีแค่แก้ไขงาน แต่จะไม่มีใครแตะคุณเรื่องอื่นได้ เพราะคุณไฟท์บนพื้นฐานของเรื่องงานเป็นหลัก
5. คิดในแง่ของผลประโยชน์ร่วมทั้งสองฝ่าย
ส่วนใหญ่แล้วความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมักจะมาจากการที่แต่ละฝ่ายต้องการชนะ และต้องการให้ความคิดของตัวเองเป็นที่ยอมรับ แต่คุณสามารถทำให้ความขัดแย้งนั้นเบาบางลงหรือจบลงได้ด้วยดี ด้วยการนึกถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ลองหาวิธีประนีประนอมที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ดู นอกจากที่คุณจะไม่ต้องถูกเอาไปรวมกับกลุ่มที่สร้างปัญหาแล้วคุณก็ได้รับการยอมรับอีกต่างหากว่าเป็นคนยุติสงครามความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
SOURCE : lifehack
Advertisements