หากมีใครมาถามถึงโทนเนอร์ สาวๆ หลายคนอาจตอบไปว่า “เคยลองใช้ครั้งสุดท้ายตอนอายุ 18 ค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้อีกเลย” เพราะคนส่วนใหญ่มักมองว่าการใช้โทนเนอร์คือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นสำหรับผิว แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยค่ะ เพราะความเชื่อเดิมๆ ที่เกี่ยวกับโทนเนอร์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
โทนเนอร์คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักคำนิยามของโทนเนอร์กันก่อน โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อปรับสมดุลของผิวหน้า โดยจะใช้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการล้างหน้า เพื่อทำให้ผิวมีความพร้อมสำหรับขั้นตอนการบำรุง โดยปกติแล้วโทนเนอร์จะมีเนื้อสัมผัสเป็นน้ำ แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสูตรให้มีทั้งเนื้อเจลและเนื้อโลชั่น
โทนเนอร์จำเป็นต่อผิวหน้าอย่างไร?
หน้าที่สำคัญของโทนเนอร์คือ การปรับสภาพผิวหน้าให้เหมาะแก่การลงเซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ นอกจากนี้ โทนเนอร์ยังช่วยขจัดความมันส่วนเกิน รวมทั้งฝุ่นละอองและคราบเครื่องสำอางที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากการล้างหน้า แต่เราจะเปลี่ยนมาใช้โทนเนอร์เพียงอย่างเดียวล้างเครื่องสำอางแทนคลีนเซอร์ไม่ได้นะคะ เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ที่แท้จริงของโทนเนอร์ และทำให้ล้างเครื่องสำอางออกได้ไม่หมดด้วยค่ะ
โทนเนอร์เหมาะสำหรับสภาพผิวแบบไหน?
ในปัจจุบันโทนเนอร์ถูกสร้างให้มีหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผิวได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ทุกสภาพผิวจึงเหมาะแก่การใช้โทนเนอร์ค่ะ ในการเลือกใช้ก็ต้องดูที่ส่วนผสมหลักเป็นสำคัญ โดยมีหลักง่ายๆ ในการเลือกโทนเนอร์ดังนี้ค่ะ
Advertisements
– ผสมสารสกัดจากคาร์โมมายล์ซึ่งมีความอ่อนโยน จึงเหมาะสำหรับผิวที่ระคายเคืองง่าย
– ผสมสารสกัดจากทีทรีออย (Tea tree oil) ช่วยป้องกันสิวเพราะมีความสามารถในขจัดความมันและแบคทีเรีย
– ผสมสารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ช่วยลดการระคายเคืองและผื่นแดงบนใบหน้า
– ผสมวิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวแห้งง่าย
– มีส่วนผสมของสเตมเซลล์จากพืช ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยและต่อต้านอนุมูลอิสระ
โทนเนอร์มีวิธีการใช้อย่างไร?
การใช้โทนเนอร์มีขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีสำหรับผิวหน้า จากนั้นจึงเช็ดอย่างเบามือให้ทั่วใบหน้า เลยลงมาจนถึงลำคอและช่วงเนินอก ควรใช้ทันทีหลังจากการล้างหน้า และตามด้วยเซรั่มหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ตามลำดับ โดยสามารถใช้ได้วันละ 2 ครั้ง หลังการล้างหน้า เช้า-เย็น แต่ถ้าหากคุณมีผิวที่แห้งหรือแพ้ง่าย อาจะลดความถี่ในการใช้ลงบ้าง หรือเลือกใช้โทนเนอร์ที่ช่วยเสริมเรื่องความชุ่มชื้นแทนค่ะ
Advertisements