ช้างเผือก ตามความเชื่อแต่โบราณ เชื่อกันว่าเป็นสัตว์มงคล เป็นช้างสำคัญคู่พระบารมีพระมหากษัตริย์ ซึ่งช้างที่จะถูกจัดให้เป็นช้างเผือกนั้น จะต้องมีคุณลักษณะพิเศษ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานปากขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีอ่อน ออกแดงคล้ายหม้อดินใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกสขาวหรือสีออกแดงคล้ายหม้อดินใหม่
โบราณเชื่อกันว่า ช้างเผือกคือเครื่องเชิดชูพระเกียรติยศ ประดับพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย หากมีการค้นพบหรือสามารถคล้องมาได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของหรือค้นพบจะต้องน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมกถวาย เมื่อช้างเผือกเข้าสู่พระบารมีแล้ว จะทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธีสมโภชขึ้นระวาง เป็นช้างต้น พระราชทานนามเป็น “พระยาช้างต้น” และให้ยืนโรงช้างประจำพระราชฐาน
นอกจากนี้เชื่อกันว่าพระมหากษัตริย์แผ่นดินใด มีช้างเผือกหรือช้างสำคัญมาก พระบุญญาบารมีจะแผ่ไพศาล ซึ่งในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้น มีช้างเผือกขึ้นระวาง เป็นช้างต้นทั้งสิ้น 10 ช้าง (ยังไม่รวมช้างสำคัญอื่นๆ ที่ไม่ได้ขึ้นระวางอีก)
พระเศวตอดุลยเดชพาหน
พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ ประสิทธิ์รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า เป็น ช้างพลายเผือกโท ลูกเถื่อนตระกูล “พรหมพงศ์” จำพวกอัฏทิศ ชื่อว่า กมุท
คล้องได้เมื่อปี ๒๔๙๙ ที่เมือง “กระบี่”โดยมีพล.ท.บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย มีการสมโภชช้างนี้เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑ และน้อมเกล้าฯ ถวายขึ้นระวางโรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๐๒ เริ่มยืนโรง ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา ในปี ๒๕๑๙ ปัจจุบันอายุกว่า ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเศวต อดุลยเดชพาหนฯ จากโรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มายืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ปัจจุบัน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ได้ล้มลงแล้วในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553 ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล หัวหิน.
พระเศวตวรรัตนกรี
ลูกช้างบ้านของราษฎรอำเภอสันกำแพง จงหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาตรวจคชลักษณ์จากผู้ชำนาญของสำนักพระราชวังแล้ว พบว่า สมบูรณ์ด้วยศุภมงคลต้องตามตำราพระคชลักษณ์ โดยอยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อ “ดามพหัสดินทร์” สมควรขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นตามราชประเพณี โดยช้างสำคัญนี้เกิดที่นครเชียงใหม่ ซึ่งได้ทรงสร้างพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ไว้เป็นที่ประทับ เสมอด้วยมีพระราชฐานประจำในนครนี้ ปัจจุบัน ล้มแล้ว
พระเศวตสุรคชาธาร
ลูกช้างพลายพลัดแม่ที่ราษฎรอำเภอรามัญ จังหวัดยะลา ได้นำมาเลี้ยงไว้ ก่อนจะพบว่ามีลักษณะมงคล ซึ่งเมื่อทางสำนักพระราชวังได้ตรวจสอบ พบว่าลูกช้างนั้นมีมงคลลักษณะถูกต้องตามคชลักษณศาสตร์ อยู่ในพรหมพงศ์ ตระกูลช้าง ๑๐ หมู่ ชื่อ “ดามพหัตถี” พระเศวตสุรคชาธารนับเป็นช้างต้นช้างที่สามในรัชกาลนี้ และยังเคยเป็นพระสหายของสมเด็จพระเทพฯ สมัยยังทรงพระเยาว์ เคยมีกล่าวถึงในบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ว่า เมื่อมีการเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปยังวังไกลกังวล หัวหิน คุณพระเศวตสุรคชาธารก็ได้โดยเสด็จฯ ด้วย ปัจจุบัน ล้มลงแล้ว
พระศรีเศวตศุภลักษณ์
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องมาได้จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นช้างตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ปัจจุบันกรมป่าไม้เป็นผู้ดูแล
Advertisements
พระเศวตภาสุรคเชนทร์
เดิมชื่อภาศรี เป็นช้างพลายเผือก ลูกเถื่อน ของราษฎรในเขตอำเภอท่ายาง เพชรบุรี เมื่อมีการตรวจสอบพบว่ามีคชลักษณ์ถูกต้องตามตำราคชลักษณศาสตร์ อยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อ “ดามพหัสดินทร์” จึงได้ขึ้นระวางสมโภชเป็นช้างสำคัญพร้อมกันทีเดียวถึง ๓ เชือก คือพร้อมกับพระบรมนขทัศ และพระเทพวัชรกิริณี ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง
พระเศวตสุทธวิลาส
ช้างพลายเผือกลูกเถื่อน คล้องมาได้จากจังหวัดกาญจนบุรี เป็นช้างตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ปัจจุบันอายุเกือบ ๓๐ ปี อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง
พระเทพวัชรกิริณี
เดิมชื่อพังขวัญตา เป็นลูกช้างหลงโขลง ชาวบ้านที่ไปตัดไม้ในเขตหัวหินไปพบเข้า จึงจับมาส่งให้กำนันตำบลเขาย้อย ก่อนจะนำไปถวายวัดและเลี้ยงมาคู่กันกับพลายดาวรุ่ง ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า พังขวัญตาเป็นช้างสำคัญมีมงคลคชลักษณ์ถูกต้องตามตำราคชลักษณศาสตร์ อยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ซึ่งตำราระบุว่าสมควรขึ้นระวางสมโภชเป็นพระราชพาหนะ เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศชาติ
พระวิมลรัตนกิริณี
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นช้างตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อกมุท อายุ ๒๙ ปี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
พระศรีนรารัฐราชกิริณี
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องได้จากจังหวัดนราธิวาส พลัดกับแม่บนเทือกเขากือชา เป็นช้างตระกูลพรหมพงศ์ พวกอัฏฐทิศ ชื่ออัญชัน อายุ ๒๙ ปี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
พระบรมนขทัศ
เดิมชื่อพลายดาวรุ่ง พบโดยราษฎรที่อำเภอปราณบุรี มีลักษณะพิเศษคือเล็บครบ เมื่อสำนักพระราชวังส่งผู้ชำนาญไปตรวจคชลักษณ์ พบว่า พลายดาวรุ่งเป็นช้างสำคัญที่หาได้ยาก เกิดในตระกูล “วิษณุพงศ์” จำพวก “อัฎฐคช” ชื่อ “ครบกระจอก” ซึ่งตำราคชลักษณศาสตร์นิยมว่า อุบัติมาเพื่อบุญญาธิการของพระมหากษัตริยาธิราช ควรแก่การสมโภชขึ้นเป็นพระราชพาหนะ จะบังเกิดสวัสดิมงคลแก่ประชาราษฎร์
Advertisements