ด้วยการที่เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก จึงขึ้นชื่อว่าเป็นจุดหมายในวันพักผ่อนของใครหลายๆ คน เมื่อได้ยินว่า “กาญจนบุรี” สิ่งแรกที่ฝุดขึ้นมาในหัว ก็คงจะไม่พ้นภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งนี้ชีวิต ทั้งไปเล่นน้ำ นอนชิลๆ หรือผ่อนคลายอารมณ์ นอนหลับไปกับเสียงสายน้ำไหล หรือจะตื่นมาพร้อมกับสายหมอกบางๆ รอบตัว แค่คิดก็ฟินแล้ว งั้นก็อย่ารอช้า เตรียมตัวไปชาร์ตพลังกาย เติมพลังใจ กันที่นี่เลย “จังหวัดกาญจนบุรี”
1. วัดถ้ำเสือ
© รูปต้นฉบับ: Goutz Photography
มาประเดิมกันที่แรกกันที่ “วัดถ้ำเสือ” ซึ่งเป็นวัดที่มีความสวย และดูแปลกตา ไม่ว่าจะเป็น องค์พระพุทธรูปปางประทานพร ที่มีขนาดใหญ่มาก จนสามารถเรียกได้ว่า มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีเลยก็ว่าได้ และมนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ ก็คือความงามอันวิจิตรของการประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป อุโบสถ หรือแม้แต่กระทั่ง ประติมากรรมตามผนังวัด และความอเมชิ่งอย่างหนึ่งของวัดนี้ คือการทำบุญหยอดเหรียญที่ไม่เหมือนที่ใดๆ ก็คือจะมีสายพานที่วางบาตร แล่นมาตามสายตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นการผสมทั้งความงามอันน่าหลงใหลและความทันสมัยอันน่าตื่นตา ให้อยู่ด้วยกันอย่างลงตัว
2. อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
หลังจากที่ไปทำบุญจนสุขกาย สบายใจแล้ว ก็มาต่อกันที่สถานที่พักผ่อนฟินๆ เช็กอิน กาญจนบุรีกันต่อเลย โดยที่พักภายในอุทยาน สามารถที่จะเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบห้องพัก โฮมสเตย์ แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์และไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง นั่นก็คือการนอนบนแพกลางน้ำ ด้วยสภาพแวดล้อมเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โอบล้อมไปด้วยภูเขาที่สวยงามทำให้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง การพักบนแพมีทั้งแบบเลือกเป็นห้องๆ หรือจะสามารถเช่าทั้งแพเลยก็ได้ แต่ถึงแม้จะเรียกว่าแพ แต่ก็มีไฟฟ้าให้ได้ใช้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกลัว หากแต่ว่ามีใช้อย่างจำกัดเท่านั้นเอง อากาศเย็นๆ ก็กระโดดลงเล่นน้ำ ตื่นเช้ามาก็พบเจอกับสายหมอกอันบางเบาที่ลอยอยู่รอบตัว ที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่อยากที่กลับบ้านเลยก็ว่าได้
Advertisements
3. น้ำตกเอราวัญ
นอกจากน้ำที่มีความใสจนเห็นเป็นสีเขียวมรกตแล้ว จำนวนชั้นที่มีมากถึง 7 ชั้นของน้ำตกเอราวัญ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเลยที่เดียว ซึ่งแต่ละชั้นนั้น ก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อม เช่น วังมัจฉา ที่มีปลายอยู่อย่างซุกชุม, อกผีเสื้อ ที่มีเหล่าผีเสื้อน้อยใหญ่บินเล่นกันไปมา แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่สุดของที่นี้ ก็คือชั้นบนสุด ชั้นที่ 7 โดยบริเวณธารน้ำตกจะมีน้ำไหลงมาแนวหินคล้ายกับรูปช้างสามเศียร และนั้นก็เป็นเหตุผลและที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัญนั้นเอง
4. เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
ไม่ต้องมีกระจกวิเศษอย่างในเรื่องทวิภพ เราก็สามารถย้อนอดีตได้ โดยเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 นั้น เป็นสถานที่ ที่มีการจำลองเมืองเก่าในยุดสมัยรัชกาลที่ 5 เอาไว้ ทั้งวิถีชีวิต สภาพบ้านเรือน สภาพความเป็นอยู่ และที่พิเศษไปมากกว่านั้น เจ้าหน้าที่ภายในเมือง ก็มีการแต่งการแบบย้อนยุค คำพูดคำจาเป็นดั่งเช่นอดีต และการใช้จ่ายชื่อของภายในนั้น ต้องทำการแลกสกุลเงินยุคปัจจุบัน ให้เป็นสกุลเงินในครั่นยุคก่อนอีกด้วย เรียกได้ว่า สามารถสัมผัสถึงความศิวิไลซ์ในอดีตได้อย่างเต็มที่
เห็นแบบนี้แล้ว ชักอยากจะแพ็กกระเป๋าและไปพักผ่อนชิลๆ ในตอนนี้เลย และสำหรับใครที่อยากจะหาสถานที่พักผ่อนสบายๆ สวยงาม และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สักเท่าไหน จังหวัดกาญจนบุรี ก็คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่อยากจะแนะนำให้ไปเที่ยวกันได้ ส่วนสถานที่ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงสถานที่แนะนำเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะกาญจนบุรี ยังคงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม รอให้คุณได้ไปสัมผัสอีกมากมาย อย่ารอช้า ไปเที่ยวกาญ(จนบุรี)เถอะ
Advertisements