วิ่งแล้วปวดหัวเข่า วิ่งแล้วเจ็บขา เจ็บหน้าแข้ง เชื่อว่าหลายคนที่กำลังหาหนทางเผาผลาญไขมันในร่างกายอยู่โดยเลือกใช้อาวุธในการประหัดประหารไขมันด้วยการการวิ่ง หลายคนมักจะมีจุดจบ ที่คำว่า เจ็บขา เจ็บหน้าแข็ง ปวดหัวเข่าตามมา ก็อย่างที่รู้กันว่า การวิ่งช่วยเผาผลาญไขมันได้เยอะ แต่ก็มีไม่น้อยที่เกิดบาดเจ็บเพราะวิ่ง จะด้วยวิ่งผิดท่า วางเท้าผิด วิ่งเร็วไป วิ่งเยอะไป ลงท้ายคือเจ็บ ถ้าอย่างงั้นลองมาใช้เทคนิค Power Walk กันดูบ้างมั้ย เทคนิคการเผาผลาญไขมันด้วยการเดินเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าจะปวดเข่า เจ็บขา เจ็บแข้งจากการวิ่งให้เจ็บใจ
Power Walk คืออะไร
Power Walk จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเทคนิคการเผาผลาญไขมันล้ำสมัยอะไรเลย มันคือการเดินเร็วค่ะ ใช่ค่ะ เดินเร็วที่สมัยประถม คุณครูวิชาพละเคยสอนนั่นแหละค่ะ ถ้าใครยังนึกไม่ออก ให้ลองนึกภาพเวลาทีเราเดินปกตินี่แหละค่ะ แต่จังหวะการเดิน การก้าวเท้าจะเร็วกว่าการเดินทอดน่องช้อปปิ้งหลังกินข้าวกลางวัน หลังออฟฟิศนี่แหละค่ะ ขณะที่เดินเร็ว ต้องแกว่งแขนไปมาด้วยนะคะ เพื่อเป็นการเร่งจัวหวะเท้าให้ก้าวเร็วขึ้น แต่ไม่ความเร็วในการเดินจะไม่เร็วไปกว่าการวิ่งนะคะ เคล็ดลับ Power Walk ที่เผาผลาญได้ดีก็คือ ยกเท้าไม่สูง แต่เร็วกว่าปกติ ใช้สะโพกเป็นแกนกลางในก้าวแทนการใช้น่อง
Power Walk ท่าทางเป็นอย่างไร
การเดินเร็วนี่ไม่ได้ไก่กาธรรมดานะคะ แต่เป็นเกมกีฬาที่ถูกจัดอยู่ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างกีฬาโอลิมปิกกันเลยทีเดียว โดยถูกบรรจุเป็นกีฬาที่ชื่อว่า เดินทน (เดินเร็ว) แต่ท่าทางของนักกีฬาในสนามอาจจะทำให้คุณแอบขำในใจเบาๆ ว่าทำไมท่าทางมันตลกสิ้นดี กับท่าทางการเดินที่ก้นบิดไปมา มือก็ยังกำไว้ตลอดเวลา แต่ทราบมั้ยว่านั้นแหละ เคล็ดลับที่ทำให้นักกีฬาเดินทนพวกนี้ เดินได้เร็วพอๆ กับวิ่ง แต่ใช้แรงน้อยกว่าการวิ่ง มาเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ทะมัดทะแม่ง แล้วเดินตามมาเลยค่ะ เราจะมาเรียนรู้ท่าทางการเดินเร็วที่เบิร์นไขมันให้หนักหน่วงกันค่ะ
ยืดตัวตรง
ถ้าทรงตัวดี จะทำให้คุณเดินได้ดีค่ะ เริ่มกันที่การปรับการทรงตัวให้ตัวยืดตรง ไม่หลังค่อมห่อตัว หรือแอ่นตัวไปข้างหลัง ปล่อยไหล่สบายๆ ตามองไปข้างหน้า เกร็งท้องเล็กน้อย พอให้พุงแฟบเล็กน้อย ดันสะโพกไปด้านหน้าเล็กน้อย
แกว่งแขนให้มีจังหวะ
เพราะการแกว่งแขนนั้นสัมพันธ์กับการก้าวขาของเรานั่นเอง ถ้าแกว่งแขนช้า ขาก็จะก้าวช้าๆ ตรงกันข้ามเมื่อคุณเร่งรอบการแกว่งแขนให้เร็วขึ้น ขาของคุณก็จะก้าวเร็วขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยเทคนิคการแกว่งแขน ต้องจับจังหวะให้ดี ว่าขาที่ก้าวไปข้างหน้า จะต้องตรงกันข้ามกับแขนที่แกว่งมาข้างหน้า กำมือพอหลวมๆ งอศอกจนเกือบเป็นมุมฉาก โดยให้แขนตกอยู่แถวๆ เอว
สะโพกและขา
ตามหลักธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเราก้าวขาเดินสะโพกจะมีการเคลื่อนไหวตาม เพราะฉะนั้นถ้าคุณฝึก Power walk แล้วก้นคุณจะบิดไปมา ถือว่าถูกต้องและถูกหลักการเคลือนไหวร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วค่ะ
ส่วนขา ขาข้างที่อยู่ข้างหลังต้องเหยียดตรง ไม่ล็อกเข่า เพราะเมื่อไหร่ที่ล็อกหัวเข่า จะเกิดอาการเกร็งทันที เสี่ยงบาดเจ็บนะคะ เมื่อจับทั้งหมดมารวมกัน การเดินแบบเหยียดขาตรง การเคลื่อนไหวด้วยสะโพก พร้อมกับแกว่งแขนไปตามจังหวะการก้าว จะเกิดการทำงานที่ประสานกันลงตัวของกล้ามเนื้อเอว สะโพก ต้นข และก้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นเฟิร์มกระชับนั่นเองค่ะ
เท้า
ในการเดินเร็ว การวางเท้าจะต่างไปจากการวางเท้าของการวิ่ง ตรงที่ เท้าข้างหนึ่งจะต้องเหยียบอยู่บนพื้นตลอด และเท้าข้างนั้น จะทำหน้าที่เป็นตัวผลักให้เราเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ช่วงแรกๆ ที่ฝึก อาจจะมีอาการแข้งขาตึงไปบ้าง แต่เมื่อเราฝึกจนกล้ามเนื้อเราทนทานได้ดีแล้ว ความรู้สึกตึงจะค่อยๆ หายไป
ประโยชน์ของ Power Walk
เอาล่ะค่ะ ใครที่อยากได้หุ่นเซ็กซี่ รูปร่างลีนกำลังสวย ไม่ได้เป็นกล้ามปูฟังทางนี้ค่ะ ลองมาฟังประโยชน์ของการเดินเร็ว หรือ Power Walk กันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะวิ่งลดน้ำหนัก หรือแค่เดินเร็ว
Advertisements
1.เผาผลาญแคลลอรี่ยอดเยี่ยม
จากการศึกษาวิจัยการเดินเร็ว หรือการใช้ Power Walk เขาพบกว่า การเดินเร็วหรือ Power walk สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 35% และถ้าเพิ่มเวลาในการเดินเร็วเป็น 5 ชั่วโมง จะลดความเสี่ยงได้ถึง 40% รวมไปถึงความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อที่เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคอ้วน
หรือถ้าจะย่อยลงมาให้ละเอียดกว่านั้น เช่น การเดินเร็ววันละ 20-60 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ด้วย นั่นเพราะหลังการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่าเป็นสารแห่งความสุขในสมองออกมา สารที่เรารู้จักกันดี สารเอนดอร์ฟีน และเซโรโทนิน นั่นเองค่ะ
2.ลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
การเดินเร็วหรือ Power Walk ถึงจะออกแรงมากกว่าการเดินทั่วๆ ไป แต่ก็ไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงมากจนร่างกายบาดเจ็บ โดยเฉพาะหัวเข่า หรือกระดูกสันหลัง เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่มีการกระแทกน้อยกว่าการวิ่งหลายเท่าตัว
3.ช่วยปรับสมดุลร่างกาย
เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ต่างจากกีฬาประเภทอื่นที่ใช้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เช่น ถ้าคุณไปวิ่ง คุณต้องใช้กล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง สะโพก หลัง น่อง ถ้าคุณหนีไปปั่นจักรยาน คุณยิ่งต้องเค้นพลังจากกล้ามเนื้อต้นขาเป็นพิเศษ แต่การเดินเร็วหรือ Power Walk เป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ มีการเคลื่อนไหวร่างกาย กล้ามเนื้อทั้งส่วนบนและส่วนล่างเท่าๆ กัน กล้ามเนื้อทุกส่วนจึงได้บริหารไปพร้อมๆ กัน
เดินแบบไหนที่เผาผลาญดี ตีไขมันกระจาย
หลายคนอาจจะยังไม่เกิดศรัทธากับการ Power Walk สักเท่าไหร่ แหม.. ก็แค่การเดินให้เร็วกว่าปกติ มันจะเผาผลาญไขมันได้จริงหรือ??? ลองทำความเข้าใจใหม่นะคะ หลักการเผาผลาญไขมันและพลังงานในร่างกายของคนเราเนี้ยะ จะต้องมีหลายส่วนประกอบกันค่ะ น้ำหนักตัว ความเร็วที่ใช้ และแรงในการแกว่งแขน (นึกภาพ แคมเปญ แกว่งแขนลดพุง ของ สสส. นะคะ หลักการเดียวกันเลยค่ะ แค่ใส่การเคลื่อนที่ด้วยการเดินเร็วเข้าไป)
จากการศึกษาทดลองกันมา นักวิจัยเขาก็พบกว่า การเดินด้วยความเร็วเท่ากับ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างต่อเนื่อง จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 440 กิโลแคลเลอรี่ (แค่นี้ก็เคลียร์ ข้าวเหนียวหมูทอด 1 ห่อ 440 กิโลแคลฯ ที่ฝากน้องที่ออฟฟิศซื้อมากินตอนเย็นได้แล้วจ้า)
ถ้าอยากเผาผลาญได้มากกว่า 440 กิโลแคลฯ ก็เพิ่มความเร็วในการเดิน ก้าวขาให้ยาวขึ้น และแกว่งแขนแรงๆ เดินให้นานขึ้น และถ้าทางเดินมีเนิน หรือทางต่างระดับ สะพานบ้าง ก็จะยิ่งช่วยเร่งการเผาผลาญให้เร็วขึ้นไปอีกค่ะ
Advertisements