วิ่งมาราธอนแรกที่ญี่ปุ่น รีวิว Shizuoka Marathon 2017 ตอน 1 สมัครยังไงให้ได้ไปวิ่งที่ญี่ปุ่น

มาราธอนแรกที่ญี่ปุ่น นักวิ่งสายมาราธอน หลายคนฝันว่าอยากไปวิ่งมาราธอนที่ญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิต โตเกียวมาราธอน งานวิ่งที่หลายคนอยากไปสัมผัสบรรยากาศสักครั้ง แต่ถ้าฝันนั้นยังไม่เป็นจริง ทำไมเราไม่เลือกที่จะสร้างฝันให้ตัวเอง ด้วยการลงมาราธอนรายการอื่นที่ญี่ปุ่นแทนล่ะ และนี่คือประสบการณ์วิ่งฟูลมาราธอน ระยะทาง 42.195กม.ที่ล้อมหน้าล้อมหลังด้วยนักวิ่งชาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต ห้าวมากหลังผ่านมาราธอนแรกจากจอมบึงมาไม่ถึง 6 เดือน แต่คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอมาราธอนสนามโหดเอาเรื่องกับเวลาคัตออฟ แค่ 5 ชั่วโมงครึ่ง! ก็เลยขอกลับมารีวิวเล็กๆ ให้ได้อ่านกัน เผื่อว่าใครอยากไปลองสับขา วิ่งซึมซับบรรยากาศงานวิ่งที่ญี่ปุ่นบ้างรีวิว แบ่งเป็น 2 ตอน ใครอยากตามต่อ ตอน 2  วันวิ่งจริงจะตื่นคน ตื่นเต้นแค่ไหน แล้วจะวิ่งทันเวลาคัตออฟมั้ย ตามไปเชียร์กันต่อได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ วิ่งมาราธอนแรกที่ญี่ปุ่น รีวิว Shizuoka Marathon 2017 ตอน 2 หนีคัตออฟ 5 ชั่วโมงครึ่ง!!!

มาราธอนนี้เกิดขึ้นหลังจากอกหักจากโตเกียวมาราธอน ที่ใช้ระบบคัดเลือกนักวิ่งด้วยการสุ่ม จากนักวิ่งที่สมัครกันกว่า 300,000 คน ให้เหลือเพียง 30,000 คน  แล้วก็กินแห้วไปตามระเบียบ เพื่อนญี่ปุ่นแชตมาปลอบใจว่า ชิซุโอกะมาราธอน แถวๆ โตเกียว ยูสนใจมั้ย???? …ไม่ต้องคิดนาน ตอบ Yes ทันที! โดนคนญี่ปุ่นป้ายยาเข้าให้แล้ว กดสมัครไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2559

งานนี้ รับสมัครนักวิ่ง 17,000 คน ระบบสมัครเป็นแบบ first come first serve ใครมาก่อนได้ก่อน ไม่ต้องรอลุ้น สุ่มเลือก นิ้วลั่นกดสมัครแบบไม่ลังเล  รู้แค่ว่า 5 มี.ค. 2560  จะไปวิ่งมาราธอนที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต !!!

สมัครยังไง?…การสมัคร จะเป็นการสมัครผ่านหน้าเว็บ   www.jtbsports.jp  เว็ปนี้รวบรวมเอารายการมาราธอนต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ ถ้าสนใจงานไหนก็กดเข้าไปดูรายละเอียดได้
เว็ป รับสมัคร วิ่งมาราธอน ญี่ปุ่น

 

หลังจาก ทำนิ้วลั่นกดสมัครเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นก็มีอีเมล มาคอนเฟิร์มอีกครั้ง แต่รายละเอียดต่างๆ ที่จะต้องปรินท์ติดตัวเอาไปรับอุปกรณ์ต่างๆ จะส่งมาให้อีกครั้ง ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันวิ่งจริง

อีเมล ยืนยันการสมัคร

 

ค่าสมัคร 10,000 เยน ตีเป็นเงินบาทก็ราวๆ 3,000 บาท (เรทเงินเยนตอนรูดบัตร ประมาณ 30 นิดๆ ) บวกค่าชาร์จจ่ายผ่านบัตรเครดิตอีก 2,000 เยน ตกแล้ว 3 พันนิดๆ  (โอ๊ววว ค่าสมัครโหดเหี้ยมที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยสมัครงานวิ่งมา)  งานนี้เลยจำเป็นต้องวิ่งเข้าเส้นชัยเก็บเหรียญมาให้ได้เท่านั้น

ชิซุโอกะอยู่ที่ไหน? จังหวัดชิซุโอกะ เป็นจังหวัดที่อยู่ระหว่างโตเกียวกับโอซาก้า นั่งรถไฟชินคันเซน shinkansen จากโตเกียว ไปประมาณชั่วโมงนิดๆ  เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องสตรอว์เบอร์รี่ กับใบชา เรียกว่าสุดยอดใบชาต้องมาที่เมืองนี้ และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเขตทะเลสาบอิซุ

แผนที่ โตเกียว-ชิซุโอกะ

 

ส่วนเส้นทางวิ่งงานนี้จะวิ่งแบบวันเวย์ ไม่วิ่งเป็นวงกลมเหมือนงานวิ่งในบ้านเรา นักวิ่งก็จะได้เสพวิวกันแบบไม่ซ้ำเดิมแน่นอน  เส้นทางวิ่งจะเป็น city run ผสมชานเมือง ปิดถนนแบบ 100%  ปล่อยตัวจากถนนหน้าสถานีรถไฟเจอาร์ ชิซุโอกะ (JR Shizuoka station) ก่อนที่จะออกนอกเมือง มีกองเชียร์เป็นภูเขาไฟฟูจิ (หู้ยย แค่นี้ก็อยากวิ่งแล้ว) แล้ววิ่งเลาะชายฝั่งทะเลตรง ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟเจอาร์ ชินมิซุ (JR Shimizu station)

เส้นทางวิ่ง จากหน้าสถานีเจอาร์ชิซุโอกะ ไปสถานีเจอาร์ชินมิซุ

จากนั้นก็เข้าโปรแกรมซ้อมมาราธอน ซ้อมบ้าง ไม่ซ้อมบ้าง เบี้ยวบ้าง จน ก.พ.60  เดือนสุดท้ายที่ตามแผนวิ่งต้องซ้อมยาว 2 สัปดาห์สุดท้ายที่ถึงคิวซ้อมวิ่งยาว 30 km.  มีเรื่องให้ต้องวิ่งไปให้คุณหมอถอดเล็บ กว่าจะหายก็ผ่านไป 1 สัปดาห์ (เอาน่ะ ยังมีหวังอีก 1 สัปดาห์ซ้อมเบาๆ ) สรุปว่า ซ้อมวิ่งยาวที่สุดที่ทำได้ คือ 20 กิโล….อีก 22 กิโล แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมาแล้วกัน……

ซ้อมไม่ถึงก็แอบหวั่นว่าจะไหวมั้ยแต่พอมานั่งอ่านรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง เพิ่งจะเห็นว่า รายการนี้ มีกำหนดเวลา cut off ที่ 5.30 ชม.! เอาล่ะสิ ซ้อมก็ง่อยเปลี้ยขนาดนี้ ยังมาเจอ Cut off อีก ลุ้นระทึกกันตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้วิ่งซะแล้ว (มาราธอนแรกที่จอมบึง เข้ามาก็ 5:32 ชั่วโมง) ช่วงก่อนจะบินมาญี่ปุ่นคือแอบนอยด์เบาๆ แอบหวั่นว่าจะวิ่งไม่จบ กลัวโดนสอยขึ้นรถเก็บนักวิ่งที่วิ่งไม่ทันเวลาคัตออฟ

แล้ว…ภาพตัดมาวันรับบิบ อุปกรณ์การวิ่ง, หมายเลขประจำตัว, ชิฟจับเวลา ที่ชิซุโอกะ (ไวเว่อร์….)

 Pre-Marathon day วันรับอุปกรณ์วิ่งมาราธอน 

4 มี.ค. 60 ตามแพลนเราจะออกจากโตเกียวไป เมืองชิซุโอกะ เพื่อรับอุปกรณ์สำหรับวิ่งมาราธอนในวันถัดไป เพื่อนขับรถมาส่งที่หน้าสถานี จากนั้นก็เดินเข้าหา JR Reservation Ticket Office ทันที

การใช้บริการรถไฟที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะขบวนที่เป็นรถไฟความเร็วสูง (ชินคันเซ็น) จะต้องมาออกตั๋วที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก และถ้าเป็นขบวนที่ต้องจองที่นั่งก็สามารถจองได้จากที่นี่ได้เลย หรือถ้าเป็นขบวนปกติ (Local line)  สามารถซื้อตั๋วได้ตามตู้จำหน่ายตั๋วที่อยู่ตามสถานีได้เลย

ด้วยความไม่เร่งรีบอะไร เลยจองรถไฟชินคันเซ็น  รอบบ่ายสาม ใช้เวลาเดินทาง  61 นาุที    ขบวนที่จะพาเราไปถึงชิซุโอกะ คือ เจ้าเป็ดขาว ชื่อว่า HIKARI 477  สาย  Tokaido line ความเร็วของเจ้าเป็ดขาวขบวนนี้ อยู่ที่ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รถไฟชินคันเซ็น HIKARI 477

Cr. pixabay.com

ค่าตั๋วอยูที่ 3,350 เยน  แต่ถ้าต้องการจองที่นั่งด้วย ราคาจะบวกค่าจองที่นั่งไปอีก เป็น 6,350 เยน

 ตารางเวลารถไฟชินคันเซ็น

Advertisements

 

จากนั้นเราก็ต้องไปขึ้นรถตามรายละเอียดหน้าตั๋ว  Track  ที่รถไฟจะเข้าจอด ตู้ที่จองที่นั่งไว้ หมายเลข และ หมายเลขที่นั่ง  จากนั้น จากนั้นรถก็พาเราออกนอกโตเกียวแบบไฮสปีด

ภายในขบวนรถ แบ่งฝั่งที่นั่งเป็น 2 ฝั่ง แบบ 3+2

ภาพในตู้รถไฟชินคันเซ็น Hikari 477

 

วิวสองข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกสูงๆ กลายเป็นที่ดินโล่งกว้าง ผ่านชุมชน หมู่บ้านเล็กๆ ข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำ นั่งเพลิน  เจ้าฮิคาริ 477 ก็พาเรามาถึงสถานีชิซุโอกะแล้ว

วิวสองข้างทาง ระหว่างไปจังหวัดชิซุโอกะ

หลังจากนั้นเราก็เดินไปยังที่พักที่จองไว้ และที่พักที่เราจองได้เป็นอพาร์ทเมนท์ของคนญี่ปุ่นที่เขาเปิดให้เช่าใน Airbnb  ซึ่งต้องเดินจากสถานีเจอาร์ไปประมาณ 15 นาที ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ เราจองที่พักที่เมืองนี้ช้า ทำให้โรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีถูกจองเต็มหมดแล้ว เราจองที่พักในเมืองนี้ไว้ 3 คืน คือ คืนวันที่ 4-5-6 สำหรับเตรียมตัวและพักร่างหลังวิ่งมาราธอนเสร็จ (เนื่องจากคาดเดาว่าร่างอาจจะพังจนต้องนอนพักร่างนิ่งๆ อีกคืนหลังวิ่งจบ)

หลังจากเก็บกระเป๋า เปิดฮีทเตอร์ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปรับอุปกรณ์วิ่ง สถานที่รับอุปกรณ์ อยู่ที่ตึกศาลาว่าการเมืองชิซุโอกะ ใกล้ๆ กับสถานีเจอาร์ ชิซุโอกะ เนื่องจากกว่าเราจะมาถึงชิซุโอกะก็บ่ายแก่ๆ แล้วคนที่มารับอุปกรณ์ต่างๆ ทยอยมารับไปตั้งแต่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็เลยดูหลวมๆ

ศาลาว่าการเมืองชิซุโอกะ

 

ซุ้มรับอุปกรณ์ที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ให้ อยู่ชั้นล่างของศาลาว่าการเมือง เดินทางสะดวกสุดๆ เข้าไปถึง  อาสาสมัครในชุดสีฟ้าก็กรูกันเข้ามาแนะนำทันที พาเดินไปที่ซุ้มอย่างรวดเร็ว ไปถึงซุ้มรับ ก็หยิบเอกสารยืนยันที่ได้รับทางเมล์ ยื่นให้กับอาสาสมัครพร้อมกับพาสปอร์ต

ซุ้มรับอุปกรณ์วิ่ง

 

จากนั้นอาสาสมัครก็หันไปค้นกล่องเอกสารด้านล่างไม่ถึง 5 นาทีก็ยื่นซองเอกสารที่ปิดผนึกเรียบร้อยอีกซองมาให้ แล้วบอกให้เราเช็คว่าชื่อที่พิมพ์อยู่บนซอง ถูกต้องมั้ย พอตรวจความถูกต้องเรียบร้อย อาสาสมัครขออนุญาตเปิดซอง (ถึงกับงง ว่าต้องขออนุญาตก่อนด้วย!)

ในซองจะมีทั้งเลขบิบ (หมายเลขประจำตัวนักวิ่ง) ชิฟจับเวลาที่ต้องผูกกับรองเท้า ถุงพลาสติกใบใหญ่(สำหรับฝากของ) และบิบที่พิมพ์บนสติกเกอร์ สำหรับติดหน้าถุงฝากของ

บิบ วิ่ง ชิฟจับเวลา ถูงเท้า

รับซองเรียบร้อย เตรียมจะหันหลังกลับ อาสาสมัครคนเดิม กวักมือเรียกให้เดินต่อไปอีกซุ้มจ้าาาา เลือกถุงเท้า ( งานวิ่งเมืองไทยแจกเสื้อวิ่ง งานวิ่งญี่ปุ่นแจกถุงเท้าวิ่งแบบแยกนิ้วด้วย พื้นมีปุ่มยางกันลื่นอีกต่างหาก) เลือกสีแดงเลยจ้า สวยงามเข้ากับเสื้อผ้าที่เตรียมมาเป๊ะ!

ซุ้ม รับถุงเท้าวิ่ง

ส่วนที่ด้านนอกอาคาร มีการจัดงาน Expo คล้ายๆ งานวิ่งของเมืองไทย มีโซนแสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการวิ่ง มีเหรียญรางวัล ผ้าขนหนูสำหรับนักวิ่งที่เข้าเส้นชัย ป้ายแสดงจุดให้น้ำ อาหาร เรียกว่าข้อมูลแน่นปึ๊ก!

บรรยากาศงาน Expo, เหรียญรางวัล, ผ้า finisher

 

แต่เป็นงานเล็กๆ มีแค่นิวบาลานซ์ที่มาจัดบูธ ที่เหลือเป็นบูธสินค้าเสื้อ กางเกง อุปกรณ์ พร๊อพต่างๆ ในการวิ่ง ซึ่งดูจะเป็นเจ้าเล็กเจ้าน้อย คุณภาพ การตัดเย็บยังไม่เข้าตาเท่าที่ควร ขอผ่านค่ะ กลับที่พักไปนอนเอาแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า นั่งเช็คอากาศว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงบ้าง  มีแดดคร๊า แต่อุณหภูมิสูงสุด แค่ 11 องศา งานนี้เลยต้องวางแผนเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด

วันวิ่งจริงจะตื่นคน ตื่นเต้นแค่ไหน แล้วจะวิ่งทันเวลาคัตออฟมั้ย ตามไปเชียร์กันต่อได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ วิ่งมาราธอนแรกที่ญี่ปุ่น รีวิว Shizuoka Marathon 2017 ตอน 2 หนีคัตออฟ 5 ชั่วโมงครึ่ง!!!

Advertisements

Advertisements

Advertisements