ชีพจรลงเท้า!! 10 เมืองสวยสะกด “เหมาะกับการเดินเท้า” ลัดเลาะซอกแซก

การท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่นักเดินทางท่องเที่ยวนิยมกัน ก็คือ การเดินเล่นในเมืองใหญ่ ฟังดูแล้วอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่าย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปเดินเล่นที่ไหน หากเมืองที่คุณไปเดินเล่น มีจุดหรือสถานที่ดีๆ ซ่อนตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่งดงาม สะอาดตา ตึกอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม มีร้านค้าเล็กๆ เงียบสงบที่อยู่ในย่านที่เต็มไปด้วยผู้คน รวมทั้งมีร้านอาหารอร่อย และแม้แต่สวนสาธารณะที่น่าสนใจ ก็จะทำให้คุณรู้สึกสนุกสนานและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตของคุณได้ และนี่คือคู่มือสำหรับการเดินเล่นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินเท้ามากที่สุดในโลก เราลองไปดูกันค่ะว่า 10 เมืองสวยงามที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินเล่นมีที่ไหนกันบ้าง

1. เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี

เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์จนเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทาง ประวัติศาสตร์จำนวนมากซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Cattedrale di Santa Maria del Fiore ซึ่งเป็นจุดสังเกตที่โด่งดังที่สุดของ Florence ไปจนถึง Ponte Vecchio อันเก่าแก่ ที่เป็นสะพานแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมทั้ง Piazzale Michelangelo ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม และเต็มไปด้วยคาเฟ่ บาร์และร้านอาหารของโรงแรมให้การพักผ่อนเมื่อคุณเหนื่อยล้ากับการเดินเล่น

2. เมืองนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา

นิวยอร์กซิตี้เป็นเมืองที่สามารถเดินได้มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ถนนแมนฮัตตันที่มีเส้นทางเดินรถและแผนการของรัฐบาลเมืองที่สะดวกสบายอย่างไทม์สแควร์ (Times Square) ก็เปิดเป็นถนนสำหรับคนเดินเท้าเท่านั้น คุณสามารถเดินเล่นที่ Fifth Avenue อันเลื่องชื่อหรือเดินข้ามสะพาน Brooklyn Bridge และเข้าสู่คลินตันฮิลล์เพื่อชมทุ่งหินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์คที่มีพื้นที่ถึง 843 เอเคอร์ให้คุณได้เดินเล่นอีกด้วยค่ะ

3. เมืองมาร์ราเกซ (Marrakesh) ประเทศโมร็อกโก

เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโมร็อกโก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO แห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก สถานที่ท่องเที่ยวน่าดูของ Marrakesh สามารถเดินเท้าได้อย่างง่ายดาย สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ ทางเดินที่ทอดตัวยาวสองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ทำให้เป็นเมืองที่คนมาท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกลึกลับชวนพิศวงตามสไตล์โมร็อกโก

4. เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส

อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามวันในการเดินไปดูปารีสทั้งหมด แต่ก็คุ้มค่า ที่นี่คุณจะได้เดินเล่นที่ริมแม่น้ำแซน เพลิดเพลินไปกับ Jardin des Tuileries อันงดงาม และพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ก่อนกระโดดข้ามไปที่ Île de la Cité และ Notre Dame เมื่อเท้าของคุณเหนื่อยล้า ก็สามารถนั่งพักในร้านเหล้าและบาร์เก๋ๆ ของย่านลาตินที่มีชีวิตชีวา ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่สถานที่สำคัญที่สุดอย่างหอไอเฟลซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งชั่วโมง อย่าพลาดการเดินเล่นไปตามถนนแคบ ๆ คดเคี้ยวรอบ ๆ Montmartre ที่คุณจะได้พบคาเฟ่ที่มีเสน่ห์ และ Sacré-Cœur อันสวยงามซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่โรแมนติกที่สุดในกรุงปารีส

5. เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

แวนคูเวอร์เป็นสวรรค์ของนักเดินทางด้วยเท้า และการเดินเล่นที่นิยมมากที่สุด ก็คือ การเดินชมทัศนียภาพบนทางเดินที่ทอดยาวเลียบแนวชายฝั่งฟอลส์ครีก (False Creek) ไปจนถึงเกาะแกรนวิลล์ (Granville Island) รวมถึงลัดเลาะผ่านสวนสาธารณะสแตนเลย์ (Stanley Park) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่ 1,000 เอเคอร์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นสวนสาธารณะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หรือเดินเล่นข้ามสะพาน Lions Gate ไปยังนอร์ทแวนคูเวอร์เพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองและทะเลอันน่าทึ่ง

6. เมืองบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา

เมืองนี้เป็นเมืองสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม ชีวิตกลางคืน และกิจกรรมทางวัฒนธรรม มักถูกเรียกกันว่า ‘ปารีสของอเมริกาใต้’ สำหรับผู้ชื่นชอบศิลปะก็สามารถเดินไปตาม Caminito ซึ่งเป็นถนนสายเล็ก ๆ ที่มีชีวิตชีวา หรือชื่นชมหอศิลป์ร่วมสมัย Fundación Proa Recoleta ซึ่งเป็นตัวแทนของย่านที่หรูหรามากขึ้น

7. เมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ประเทศโครเอเชีย

แม้จะอยู่ในเขตเมืองเก่าก็ตาม Dubrovnik ก็สามารถเดินได้อย่างง่ายดาย เส้นทางสัญจรหลักคือ Stradun นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งกำแพงเมืองยุคกลางน้ำพุโอโนฟริโอ (Onofrio) พระราชวังสปอนซา (Sponza) ในศตวรรษที่ 16 และ Old Port อันงดงาม รวมทั้งการเยี่ยมชม Lapad Peninsula และการเดินเล่นแนวชายฝั่งจะเผยให้เห็นอัญมณีในท้อง ถิ่นที่สวยงาม นั่นคือ ชายหาด Copacabana ในขณะที่การปีนเขาผ่านเนินเขาของ Velika I Mala Petka ก็จะทำให้คุณได้พบกับทัศนียภาพที่น่าทึ่ง

8. เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

ที่นี่คุณจะได้พบกับสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียน และสวนสาธารณะในเมือง และด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่บริเวณปากแม่น้ำยาร์ (Yarra River) จึงทำให้มีทัศนียภาพสวยงาม เหมาะสำหรับพักผ่อนและท่องเที่ยว ซึ่งคุณสามารถใช้เส้นทาง และทัศนียภาพอันเขียวขจีขณะเดินจาก Alexandra Gardens ไปยัง Royal Botanic Gardens รวมทั้งยังสามารถเดินทางไปยังย่านธุรกิจของเมลเบิร์นย่านช้อปปิ้ง และลานจอดรถอันเก่าแก่ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านบูติก สะโพกบาร์ และร้านกาแฟ นอกจากนี้ยังมีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อย่างเช่น Old Melbourne Gaol และชายหาด St. Kilda หรือ ขึ้นลิฟต์ไปยัง Eureka Skydeck 88 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในซีกโลกใต้เพื่อชมทัศนียภาพมุมกว้างของเมลเบิร์น

9. เมืองบอสตัน ประเทศอเมริกา

เป็นที่ตั้งของเส้นทางเดินเท้าที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน บริเวณริมน้ำของบอสตันมีเส้นทางเดินที่เรียกว่า Harbour Walk ที่มีความยาวกว่า 40 ไมล์ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเล่นที่ดีที่สุด คุณจะได้พบกับสถานที่สำคัญในท้องถิ่น เช่น สถาบันศิลปะร่วมสมัย และสวน Christopher Columbus ที่สวยงาม บนเส้นทาง Freedom Trail ที่มีระยะ ทาง 2.5 ไมล์ก็เป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ของกษัตริย์และอนุสาวรีย์ Bunker Hill และย่านประวัติศาสตร์ Beacon Hill รวมทั้ง Acorn Street ที่เป็นถนนได้รับการถ่ายภาพมากที่สุดในประเทศ

10. เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว

เมืองนี้ตั้งอยู่บนแนวแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งเศสและลาวเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามเหมาะสำหรับการเดินสำรวจและท่องเที่ยว คุณอาจเริ่มต้นที่พระธาตุหลวงซึ่งเป็นเจดีย์พุทธสีทองที่สวยงาม และเป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว แล้วต่อด้วยการเดินลงไปที่อนุสาวรีย์ Patuxay ซึ่งจำลองแบบมาจาก Arc de Triomphe ของกรุงปารีส อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และเมื่อคุณเหนื่อยล้าคุณสามารถเติมพลังได้ที่ร้านอาหารมากมายที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายค่ะ