แม้ชื่อของโรคมะเร็งจะทำให้ทุกคนหวาดกลัว แต่น่าแปลกที่ยังพบผู้ป่วยโรคมะเร็งมาพบแพทย์ด้วยระยะที่รักษาได้ยากแล้ว โดยสัญญาณโรคมะเร็งที่ UndubZapp จะนำมาฝากในวันนี้ บางสัญญาณอาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็ไม่ใช่อาการที่จะนิ่งนอนใจได้ ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงอย่างเราต้องรู้จักสังเกตร่างกายของตัวเองเพื่อไปพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ
1. ตุ่มใสเหมือนไข่มุก
ผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังหลายคนเริ่มต้นมาหาหมอด้วยอาการสิวแปลกๆ บนแก้มหรือจมูก ซึ่งไม่ยอมหายไปเสียที โดยตุ่มเหล่านี้มีลักษณะวาวใส คล้ายกับหัวสิว แต่สิ่งที่จะบ่งบอกนี่เป็นสัญญาณผิดปกติคือ แทนที่มันจะหายไปได้เหมือนสิว กลับค่อยๆ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแทน
2. รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งติดคอตลอดเวลา
การรู้สึกเหมือนมีอาหารติดคอ หรือเหมือนมีเส้นผมอยู่ในคอตลอดเวลาเป็นสัญญาณหนึ่งที่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน แต่นั่นคืออาการหนึ่งของโรคมะเร็งในช่องปากที่มักเกิดขึ้นบริเวณโคนลิ้นซึ่งอยู่ภายในลำคอนั่นเอง
3. อาการคันเรื้อรัง
หากพูดถึงอาการคัน คงจะไม่มีใครคิดถึงโรคมะเร็งเป็นอันดับแรก และมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคผิวหนัง อย่างไรก็ตาม อาการคันเป็นอาการหนึ่งของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องจะไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้เลย
4. เจ็บหู
หากคุณมีอาการเจ็บหู เป็นไปได้ว่าอาจมีอาการหูอักเสบจากการติดเชื้อตามปกติ แต่อีกโรคหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือมะเร็งในช่องปากที่อาจลามขึ้นไปถึงเนื้อเยื่อของหูได้ และนั่นหมายถึงว่าโรคเริ่มอยู่ในระยะลุกลามแล้ว
5. ประจำเดือนผิดปกติ
สาวๆ หลายคนคิดว่า การมีประจำเดือนมากไป น้อยไป หรือการมีเลือดออกกระปริดกระปรอย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งนั่นก็ถูกต้องค่ะ แต่ไม่เสมอไป เพราะอาการมะเร็งที่เกิดภายในมดลูกของผู้หญิง โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น ควรมีการตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกปี เพราะมะเร็งชนิดนี้สามารถรักษาได้ง่ายหากพบในระยะเริ่มแรกค่ะ
6. เปลือกตาตกลง
อาการหนังตาตกอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นอาการที่อาจเกิดได้จากหลายโรค ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโรคมะเร็งปอด แต่ผู้ป่วยมักมองข้ามอาการนี้ ทั้งที่เป็นอาการที่เกิดขึ้นเร็วกว่าอาการไอจากโรคมะเร็งปอดเสียอีก
7. พบสะเก็ดหรือก้อนบนผิวหนัง
นี่เป็นสัญญาณหนึ่งของโรคมะเร็งผิวหนังที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผื่นจากโรคภูมิแพ้ โดยมักขึ้นอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่าง ศีรษะ คอ หลังมือ หรือบริเวณขาที่มีการตากแดดแรงๆ เป็นประจำ
8. โลหิตจาง
หากคุณไม่ใช่คนที่มีภาวะโลหิตจางมาแต่กำเนิด อาการโลหิตจางที่อยู่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะโลหิตจางร่วมกับอาการขับถ่ายมีเลือดปน ยิ่งต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
Advertisements
9. เสียงแหบ
อาการเสียงแหบหรือเสียงหายอาจเกิดขึ้นได้ชั่วคราวในผู้ที่เป็นหวัด แต่สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกล่องเสียงแล้ว อาการเสียงแหบจะยังไม่หายไป แถมพ่วงมาด้วยอาการเจ็บคอ เจ็บหู ซึ่งจะพบในระยะที่มะเร็งเริ่มลามเข้าสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงแล้ว
10. ท้องบวม
อาการท้องบวมเป็นอาการที่บ่งบอกได้หลายโรค และเป็นอาการของโรคมะเร็งได้หลายชนิด อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยมะเร็งรังไข่จำนวนมาก ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการท้องบวมซึ่งส่วนใหญ่จะสัมผัสได้ว่าไม่ได้เกิดจากการแน่นท้อง
11. คลำพบก้อนบริเวณลำคอ
ไม่ใช่ว่าก้อนที่เกิดขึ้นบนลำคอจะหมายถึงมะเร็งเสมอไป แต่นั่นก็เป็นสัญญาณหนึ่งของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ ซึ่งผู้หญิงมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งชนิดนี้มากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า แต่ข่าวดีคือ มะเร็งชนิดนี้ เติบโตช้าและมีโอกาสหายสูงค่ะ
12. พบก้อนที่เต้านม
ไม่ใช่เพียงการคลำพบก้อนที่เต้านมเท่านั้น แต่รวมถึงความผิดปกติอื่นๆ เช่น การเจ็บเต้านม การบวมแดงคล้ายกับอาการเต้านมอักเสบ ลักษณะหัวนมผิดปกติคล้ายการถูกดึงรั้ง รวมทั้งการมีผิวเต้านมขรุขระผิดปกติคล้ายเปลือกผลส้ม ซึ่งล้วนแต่เป็นอาการที่บ่งบอกถึงมะเร็งเต้านมทั้งสิ้น
13. ปวดกระดูก
อาการปวดกระดูกอาจมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรืออาจการเกิดโรคกระดูกพรุน หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวมัลติเพิลมัยอิโลมา โดยมักทำให้เกิดอาการปวดมากบริเวณกระดูกสันหลัง
14. เจ็บในคอหลังดื่มแอลกอฮอล์
หากคุณรู้สึกเจ็บในคอแบบอธิบายไม่ได้หลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ขณะที่เวลากินอาหารชนิดอื่นกลับไม่เป็น อาจเป็นไปได้ว่านี่คืออาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งทำให้ต่อมน้ำเหลืองในลำคอบวมและอักเสบนั่นเอง
15. ปวดฉี่ตลอดเวลา
หากคุณมีความรู้สึกเหมือนปวดปัสสาวะตลอดเวลา แม้จะเข้าห้องน้ำแล้วก็ยังรู้สึกปวดอยู่ เป็นไปได้ว่านี่คือสัญญาณของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรืออาจเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งไต ซึ่งสองโรคนี้มีอาการที่คล้ายกันมาก รวมทั้งการปัสสาวะเป็นเลือดด้วย
ถึงแม้ว่าคุณอาจจะพบสัญญาณที่ UndubZapp กล่าวมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งตื่นตกใจไปนะคะ เพราะนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นมะเร็งเสมอไป แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือ ทำใจเย็นๆแล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้ชัดไปเลยดีกว่าค่ะ เพราะหากรู้ตั้งแต่เริ่มต้นก็จะยิ่งรักษาง่ายขึ้นและมีโอกาสหายขาดมากทีเดียว
Advertisements