ใครๆ ก็รู้ว่า ผัก มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย มีทั้ง วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร เมื่อเรากินผักเข้าไปจึงส่งผลให้ร่างกายของเราแข็งแรง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า… ผักแต่ละชนิดมีวิธีการกินที่แตกต่างกัน ผักบางชนิดต้องทำให้สุกก่อนถึงจะกินได้ เพราะปรุงสุกแล้วจะทำให้ได้รับคุณประโยชน์มากกว่า ในขณะที่ผักบางชนิดควรกินแบบดิบๆ หรือ สดๆ เพราะการนำไปปรุงผ่านความร้อนจะทำให้วิตามินในผักโดนทำลาย เราลองมาทำความรู้จักกับวิธีการกินผักแต่ละชนิดกันดีกว่าค่ะ
1. หน่อไม้ฝรั่ง หรือ แอสพารากัส (Asparagus) ควรทานแบบปรุงสุก
หน่อไม้ฝรั่ง มีสารอาหารสำคัญทั้งเส้นใยอาหาร กรดโฟลิก วิตามินบี6 วิตามินเค วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังส่งผลคล้ายยาขับปัสสาวะ จึงช่วยเสริมระบบการทำงานของไต และโรคทางระบบทางเดินปัสสาวะและนิ่วในไต
การกินหน่อไม้ฝรั่งควรกินแบบปรุงสุก เพราะมีเปลือกผิวแข็งทั้งเปลือกและเนื้อใน การปรุงให้สุกในระดับพอดีจึงทำให้ร่างกายเราดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้อย่างเต็มที่มากกว่า
2. บล็อกโคลี่ ควรทานแบบดิบ
บล็อกโคลี่ มีคุณค่าทางสารอาหารสูงอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร เบตาแคโรทีน วิตามินซี ซึ่งต้นอ่อนบร็อคโคลี่จะมีเอนไซม์ไมโรซิเนสในปริมาณที่มากกว่าต้นบร็อคโคลี่ที่โตแล้วค่ะ เมื่อมันถูกสับหรือเคี้ยว ซึ่งจะทำให้เกิดสารต้านมะเร็ง ซัลโฟราเฟน
สำหรับการกินบร็อคโคลี่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ควรผ่านกรรมวิธีการปรุงอาหารที่มีระยะเวลานานจนเกินไป เพราะจะไปทำลายเอนไซม์ไมโรซิเนสและซัลโฟราเฟนได้ค่ะ ถ้าจะให้ดี กินแบบดิบดีที่สุดนะคะ
3. เห็ดต่างๆ ควรทานแบบปรุงสุก
เห็ด เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโปรตีน เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และความดันโลหิตสูง ชาวจีนถือว่าเห็ดเป็นยาเย็น ช่วยลดไข้ ดับร้อน แก้ช้ำใน ลดระดับน้ำตาล และคอเลสเตอรอล และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
Advertisements
เห็ด… ไม่ควรกินแบบดิบๆ เพราะมีสารที่ไปยับยั้งการดูดซึมของอาหารในระบบย่อยอาหาร การกินเห็ดที่ถูกวิธีควรใช้ความร้อนไม่สูงนักและไม่ควรใช้เวลานาน เพราะจะให้คุณค่าของสารอาหารลดลงค่ะ
4. มะเขือเทศ ควรทานแบบปรุงสุก
มะเขือเทศ เป็นผักที่มีวิตามินสูงมาก ในมะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล และในมะเขือเทศ 1 ผลจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้ยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด โดยเฉพาะ “ไลโคปีน” ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
วิธีทานมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรทำให้มะเขือเทศสุกก่อนค่ะ เพราะเมื่อมะเขือเทศผ่านความร้อนจะทำให้ไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศหลุดออกจากกันได้ง่าย ที่สำคัญคือ ไลโคปีน ละลายได้ดีในน้ำมัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราใช้น้ำมันในการปรุงมะเขือเทศ จะยิ่งทำให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
5. พริกหวานและพริกต่างๆ ควรทานแบบดิบ
พริก มีหลายสีทั้งเขียว แดง เหลืองส้ม ช่วยกระตุ้นทางการทำงานของกระเพาะอาหารทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น พริกหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 และซี นอกจากนี้ยังมีเบตาแคโรทีนสูง เหล็ก โพแทสเซียม และสารแคบไซซิน ที่ช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือด โรคต้อกระจกและโรคมะเร็ง
การกินพริกที่ถูกวิธี ควรกินแบบสดๆ ค่ะ เพราะการปรุงสุกที่ต้องผ่านความร้อน จะทำให้สูญเสียวิตามินที่สำคัญไป
รู้อย่างนี้แล้ว การกินผักครั้งต่อๆ ไป ก็ควรเลือกวิธีกินให้ถูกต้องนะคะ เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้รับวิตะมินและสารอาหารจากผักเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนค่ะ
Advertisements